Stock

สำรวจ 10 หุ้นใหญ่ที่สุดในไทย กับผลตอบแทนไตรมาสแรกปี 2568

สำรวจ 10 หุ้นใหญ่ที่สุดในไทย ผลตอบแทนไตรมาสแรก 2568 ใครรอดหรือร่วง?

ภาพรวมผลตอบแทนของตลาดหุ้นไทยในไตรมาสแรกของปี 2568 (ตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา) พบว่า SET TRI หรือ SET Total Return Index ที่สะท้อนผลตอบแทนรวมทุกประเภททั้งการเปลี่ยนแปลงของราคาหลักทรัพย์ (Capital Gain) และอัตราผลตอบแทนจากปันผล (Dividend Yield) อยู่ที่ 1.1% ถือว่าปรับตัวขึ้นมาเล็กน้อย  ส่วนใหญ่มีแรงหนุนมาจากการจ่ายเงินปันผลของหุ้นขนาดใหญ่

อย่างไรก็ดี ถ้าเราดูที่หุ้นรายตัวจะเห็นว่ามีทั้งหุ้นที่ขึ้น หุ้นที่ลง แตกต่างกันไป บทความนี้จึงได้สรุป 10 หุ้นใหญ่ ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Cap.) สูงที่สุด พร้อมความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นที่เกิดขึ้นตลาดไตรมาสแรกมาฝากกัน

10 หุ้นใหญ่

สำรวจ 10 หุ้นใหญ่

1. PTT: บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 0.79%
มูลค่าหลักทรัพย์ 899,734 ล้านบาท

2. ADVANC: บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 4.56%
มูลค่าหลักทรัพย์ 808,985 ล้านบาท

3. DELTA: บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 59.17%
มูลค่าหลักทรัพย์ 704,771 ล้านบาท

4. AOT: บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 37.66%
มูลค่าหลักทรัพย์ 535,714 ล้านบาท

5. CPALL: บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง  10.76%
มูลค่าหลักทรัพย์ 446,909 ล้านบาท

10 หุ้นใหญ่

6. PTTEP: บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 14.86%
มูลค่าหลักทรัพย์ 424,788 ล้านบาท

7. SCB: บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.70%
มูลค่าหลักทรัพย์ 412,471 ล้านบาท

8. TRUE: บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น  2.68%
มูลค่าหลักทรัพย์ 397,349 ล้านบาท

9. KBANK: ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้น  2.90%
มูลค่าหลักทรัพย์ 376,723 ล้านบาท

10 หุ้นใหญ่กับราคาหุ้น

10. BDMS: บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน)
ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 8.54%
มูลค่าหลักทรัพย์ 357,570 ล้านบาท

10 หุ้นใหญ่

หมายเหตุ: ราคาหุ้นและมูลค่าหลักทรัพย์ ณ วันที่ 4 เมษายน 2568 จาก SET Thailand, TradingView และ siamchart ทั้งนี้ การจัดอันดันไม่ได้นับรวมหุ้น GULF เนื่องจากมีช่วงพักการซื้อขายหลักทรัพย์จากการควบรวมกิจการ

โดยสรุปแล้วจะเห็นว่าหุ้นไทยขนาดใหญ่ รวมถึงตลาดทั้งหมดยังปรับตัวลดลงมากกว่าสร้างผลตอบแทนที่น่าประทับใจ แม้ว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ และรัฐบาล ต่างพยายามปรับปรุงกฎเกณฑ์เพื่อสนับสนุนตลาด แต่หุ้นไทยยังเผชิญความเสี่ยงสำคัญเรื่อง Trump Tariff และกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่ยังไม่ได้ปรับประมาณการเพิ่ม

ทว่าความน่าสนใจของหุ้นไทยตอนนี้ยังคงเป็นเรื่อง Valuation รวมตลาดที่ถูกมาก บวกกับเงินปันผลของในกลุ่ม SETHD ที่แข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสเช่นกันที่หุ้นไทย จะกลับมาฟื้นในระยะสั้น เพียงแต่ต้องเน้นกลยุทธ์แบบ Selective&Dynamic ในหุ้นรายตัวที่โดดเด่นกว่าตลาด

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน