Stock

รีวิวหุ้น GULF เริ่มต้นการเติบโตรอบใหม่ของ Super Stock

โดย Park Kathawut 8 เมษายน 2568

รีวิวหุ้น GULF เริ่มต้นการเติบโตกับธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ รอบใหม่ของ Super Stock

ทุกคนรู้จักหุ้น GULF กันดีอยู่แล้วในฐานะผู้นำในธุรกิจพลังงาน และโครงสร้างพื้นฐานของประเทศไทย เป็นหุ้นชั้นนำระดับท็อป ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์หลายแสนล้านบาท รวมทั้งได้สร้างการเติบโตในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง

ก่อนหน้านี้ บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน): GULF ได้ก้าวสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เพื่อมุ่งก้าวสู่ธุรกิจแห่งอนาคต ด้วยการควบรวมกับ บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน): INTUCH เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัทมหาชนจำกัดขึ้นใหม่ (NewCo) ในนามว่า “บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)” ในชื่อย่อหุ้นเดิมว่า “GULF”

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ทำให้หุ้น GULF ได้หยุดพักการซื้อขายไปตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม -2 เมษายน 2568 และปัจจุบันได้กลับเข้ามาเทรดใหม่อีกครั้งแล้วในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ถือเป็นการปิดตำนาน GULF-INTUCH เดิม สู่การเป็น GULF โฉมใหม่ที่ใหญ่และน่าสนใจกว่าเดิม

ทำความรู้จัก กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์

“กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์” หรือ GULF มีทุนจดทะเบียน 14,939,837,683 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 14,939,837,683 หุ้น พาร์ 1 บาท ประกอบธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) โดยมีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลัก 3 ธุรกิจ คือ พลังงาน โครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูโภค และดิจิทัล

โดยธุรกิจใหม่หลังควบรวมจะมาเติมเต็มโครงสร้างพื้นฐานอินฟราสตรัคเจอร์ โทรคมนาคม ดาต้าเซ็นเตอร์ มุ่งสู่ธุรกิจแห่งอนาคต

นอกจากนี้ จะทำให้ GULF แข็งแรงมากขึ้น จากสถานะทางการเงินที่ดี ต้นทุนทางการเงินต่ำลงมาก หนุนความสามารถทางรายได้ดีขึ้น ความสามารถทางการแข่งขันและกำไรสูงขึ้น

พร้อมทั้งจะได้ส่วนแบ่งกำไรไม่น้อยกว่า 3,500 ล้านบาทต่อปี และจะได้เงินปันผลเพิ่มขึ้นกว่า 6,000 ล้านบาทต่อปี หนี้สินต่อทุนลดลง 0.8 เท่า จากเดิมไม่เกิน 1.8 เท่า

โครงสร้างธุรกิจของ GULF (NewCo) แบ่งเป็น

1. กลุ่มธุรกิจพลังงานและโครงสร้างพื้นฐาน สัดส่วน 60% ของกําไร

2. กลุ่มธุรกิจดิจิทัล 40% ของกําไร โดยกลยุทธ์หลักยังคงเน้นน้ำหนักไปที่กลุ่มพลังงาน แต่จะมองการลงทุนไปยังธุรกิจเกี่ยวเนื่องอื่นๆ นอกเหนือจากธุรกิจดั้งเดิมอย่างโรงไฟฟ้ามากยิ่งขึ้น อาทิ Data Center เป็นต้น

ในแง่ของการสร้างกําไร GULF จะรับรู้กําไรส่วนเพิ่มจากการถือหุ้น 40% ใน ADVANC (เดิม 20%) เข้ามาเพิ่มเติมกว่า 3.8 พันล้านบาทต่อปี (อิงจากส่วนแบ่งกําไรที่คาดเพิ่มขึ้นจากเดิมราว 8.3 พันล้านบาท หักด้วยค่าตัดจําหน่ายสินทรัพย์ไม่มีตัวตนราว 4.0 พันล้านบาท)

ราคาเป้าหมายใหม่หุ้น GULF

บทวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส คงมูลค่าพื้นฐาน ณ สิ้นปี 2568 ของ GULF อยู่ที่ 68.25 บาทต่อหุ้น คงคําแนะนํา Outperform จากความโดดเด่นด้านปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งทั้งในระยะสั้น และระยะยาว พร้อมโอกาสเกิด Synergy ในธุรกิจใหม่ ๆ ที่ยังไม่ถูกรวมไว้ในประมาณการ ดังนั้น จึงควรเน้นหาจังหวะเข้าสะสมลงทุนระยะยาว

บทวิเคราะห์ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่า GULF เริ่มต้นการเติบโตรอบใหม่ จากฐานทุนที่ใหญ่ขึ้นทันที 2.1 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้ 135% เป็น3.6 แสนล้านบาท คาดว่าบริษัทจะเพิ่มงบลงทุนขึ้นอีก โดยเฉพาะธุรกิจดิจิทัล ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรในอนาคต

อีกทั้งผลบวกที่เกิดขึ้นทันที คือ การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจาก ADVANC เนื่องจาก GULF จะถือหุ้นทางตรง 40.4% ใน ADVANC จึงปรับประมาณการกำไรเพิ่มขึ้น +19%

นอกเหนือจากนี้จะมาจากส่วนแบ่งกำไรสูงขึ้นมาก แรงหนุนของกำไรปีนี้เกิดจากการรับรู้รายได้เต็มปีของโรงไฟฟ้าที่ COD ใหม่ปีที่แล้ว 2,682 MW และมีโครงการใหม่ที่ COD ปีนี้อีก 1,477 MW รวมถึง Data Center เฟสแรก 25 MW

ปรับคำแนะนำหุ้น GULF ขึ้นเป็น “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 59 บาทต่อหุ้น โดยมองว่า GULF จะเป็นที่น่าสนใจมากขึ้นอีกตามมูลค่าตลาดที่เพิ่มขึ้นเป็นกว่า 7 แสนล้านบาท ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของ SET

ส่วนแนวโน้มกำไรที่เติบโตต่อเนื่องและคาดจะมีความเคลื่อนไหวการลงทุนใหม่ที่น่าสนใจนับจากนี้

สุดท้ายนี้ก็ต้องบอกว่าน่าสนใจทีเดียว กับอนาคตการเติบโตของหุ้น GULF ที่กลับมาด้วยความแข็งแกร่ง และมั่นคงยิ่งกว่าเดิม เพราะแต่ละธุรกิจจะมีความหลากหลาย แถมยังเป็นผู้นำในแทบทุกเหลี่ยมมุม

ต้องจับตามองว่าราคาหุ้นจะสะท้อนออกมาจากธุรกิจมากน้อยเพียง และหนทางสู่ Super Stock ครั้งใหม่ของ GULF จะเกิดขึ้นอีกครั้งหรือไม่ เรื่องนี้ต้องติดตามกันต่อไป

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่