Stock

เปิดลิสต์ 10 บริษัทใหญ่ ‘ซื้อหุ้นคืน’

เปิดลิสต์ 10 บริษัทใหญ่ “ซื้อหุ้นคืน” ในจังหวะที่ตลาดหุ้นไทยถูกที่สุดในโลก

โค้งแรกของปี 2568 ดัชนี SET Index ยังคงอยู่ต่ำกว่า 1200 จุด และตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดที่ทำผลงานได้ย่ำแย่ที่สุดเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นหลักอื่นๆ ทั่วโลก ทำให้ปีนี้เกิดกระแสการซื้อหุ้นคืนของบริษัทจดทะเบียนจำนวนมาก หลังหุ้นหลายตัวราคาถูกลงจนต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี ประกอบกับบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งก็ยังคงถือเงินสดในมือจำนวนมาก

การซื้อหุ้นคืน หรือ Treasury Stock คือ กระบวนการที่บริษัทจดทะเบียนนำเงินสดไปซื้อหุ้นของตนเองจากตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยหุ้นที่บริษัทซื้อคืน จะไม่นับเป็นองค์ประชุมถือหุ้น ไม่มีสิทธิ์ออกเสียง ไม่มีสิทธิ์รับเงินปันผล ดังนั้น แปลว่าเมื่อมีการซื้อหุ้นคืน จะส่งผลให้จำนวนหุ้นในตลาดลดลงทันที

ซื้อหุ้นคืน

ทั้งนี้ บริษัทสามารถถือหุ้นดังกล่าวไว้ได้ตามระยะเวลาที่กำหนด ต้องถืออย่างน้อย 6 เดือน และไม่เกิน 3 ปี หากบริษัทไม่นำหุ้นดังกล่าวกลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือเสนอขายต่อประชาชน ก็ต้องดำเนินการลดทุนโดยตัดหุ้นที่ซื้อคืนออกจากระบบ

จะเห็นว่าการที่บริษัทซื้อหุ้นคืน ถือเป็นอีกวิธีในการสะท้อนความเชื่อมั่นใจตัวธุรกิจ และสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ถือหุ้นรายอื่นๆ แต่อย่างไรก็ดี กลไกของการซื้อหุ้นคืน ก็สามารถใช้เป็นเครื่องมือทางการเงินชนิดหนึ่งได้เหมือนกัน เนื่องจากเมื่อจำนวนหุ้นในตลาดลดลง ย่อมส่งผลต่ออัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย

เปิด 10 หุ้นใหญ่ ซื้อหุ้นคืน

พบว่าในปี 2568 มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการประกาศโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารทางการเงิน ซึ่งนับจากต้นปีจนถึงปัจจุบัน (27 มีนาคม 2568) มีมากถึง 29 แห่งแล้ว คิดเป็นมูลค่ารวมเกือบ 3 หมื่นล้านบาท

โดยบทความนี้เราได้ยกตัวอย่างเฉพาะ 10 หุ้นใหญ่ ที่มีอิทธิพลต่อตลาดสูงๆ ได้ประกาศซื้อหุ้นคืน มาฝากกันดังนี้

ซื้อหุ้นคืน

 

1. PTT: บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 16,000 ล้านบาท ช่วงเวลา 24 มีนาคม – 23 กันยายน 2568

2. TTB: ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 7,000 ล้านบาท ช่วงเวลา 3 กุมภาพันธ์ – 1 สิงหาคม 2568

3. STECON: บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน: 900 ล้านบาท ช่วงเวลา 18 มีนาคม – 17 กันยายน 2568

4. SKR: บริษัท ศิครินทร์ จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 700 ล้านบาท ช่วงเวลา 31 มีนาคม – 25 กันยายน 2568

5. PSL: บริษัท พรีเชียส ชิพปิ้ง จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 675 ล้านบาท ช่วงเวลา 3 มีนาคม- 29 สิงหาคม 2568

ซื้อหุ้นคืน

6. PRM: บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 600 ล้านบาท ช่วงเวลา 3 มีนาคม – 3 กันยายน 2568

7. ACE: บริษัท แอ๊บโซลูท คลีน เอ็นเนอร์จี้ จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 500 ล้านบาท ช่วงเวลา 10 มีนาคม – 5 ก.ค. 2568

8. ASP: บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน: 500 ล้านบาท ช่วงเวลา 1 เม.ย. – 30 กันยายน 2568

9. EKH: บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 400 ล้านบาท ช่วงเวลา 132 มี.ค. – 11 กรกฎาคม 2568

10. DRT: บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน)
วงเงินซื้อหุ้นคืน 320 ล้านบาท ช่วงเวลา 17 มีนาคม – 27 มีนาคม 2568

สุดท้ายนักลงทุนคงต้องวิเคราะห์ และแยกให้ออกว่า การซื้อหุ้นคืน เป็นแค่เทคนิคเพื่อสร้างจิตวิทยาเชิงบวกต่อราคาหุ้นในระยะสั้นเท่านั้น หรือเป็นแผนระยะยาวที่มีประสิทธิภาพจริงๆ ต่อบริษัท ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล. เอเซีย พลัส ระบุว่า การที่หุ้นใน SET100 ลงมาเร็วและลงมาลึก จากจุดสูงสุดปีที่แล้วเฉลี่ย -34% จนมีหุ้นใน SET100 ถึง 39 ตัว ที่มีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (PBV น้อยกว่า 1) ส่งผลให้ปัจจุบันเริ่มเห็นการประกาศซื้อหุ้นคืนจากหุ้นขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน