Stock

‘ดุสิตธานี’ ทยอยสะสมรอการเติบโต โอกาส ‘เทิร์นอะราวด์’ รับรู้รายได้รอบใหม่ปี 68

หลายคนรู้จัก บริษัท ดุสิตธานี จำกัด (มหาชน) หรือ DUSIT เป็นอย่างดี ในฐานะหนึ่งในผู้นำธุรกิจโรงแรม และการบริการของไทย โดยมีแบรนด์โรงแรมภายใต้การบริหารทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่น Dusit Thani, Dusit Princess, ASAI และ Elite Havens

นอกจากธุรกิจโรงแรมแล้ว บริษัทขยายพอร์ตโฟลิโอไปยังธุรกิจการศึกษา ธุรกิจอาหาร และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งรวมถึงโครงการพัฒนาอสังหาฯ ขนาดใหญ่ Dusit Central Park (DCP) มิกซ์ยูสขนาดใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ ที่เตรียมนับถอยหลัง เปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปี 2568 นี้

ดุสิตธานี

โครงสร้างรายได้ DUSIT แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก

  • ธุรกิจโรงแรม (Hotel & Resort) รายได้จากการบริหารโรงแรม และให้บริการที่พัก
  • ธุรกิจอาหาร (Food Business) การให้บริการร้านอาหาร และจัดเลี้ยง
  • ธุรกิจการศึกษา (Education) โรงเรียนสอนการโรงแรม และบริหารธุรกิจ
  • ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate Development) การพัฒนา และขายโครงการที่อยู่อาศัย

DUSIT เข้าโหมดปลดล็อก หยุดขาดทุนอันยาวนาน

ตั้งแต่ปี 2563 DUSIT ประสบปัญหาการขาดทุนต่อเนื่อง โดยสาเหตุหลักมาจากผลกระทบของโควิด-19 ทำให้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวหยุดชะงัก รายได้จากธุรกิจโรงแรมลดลงอย่างรุนแรง ประกอบกับบริษัทมีต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น และมีภาระหนี้สินจากการลงทุนในโครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค และต้องรับรู้ค่าใช้จ่ายด้านดอกเบี้ย

  • ปี 2563 ขาดทุน 1,050.43 ล้านบาท
  • ปี 2564 ขาดทุน 1,023.97 ล้านบาท
  • ปี 2565 ขาดทุน 547.15 ล้านบาท
  • ปี 2566 ขาดทุน 569.82 ล้านบาท
  • ปี 2567 ขาดทุน 236.77 ล้านบาท

จะเห็นว่าผลประกอบการล่าสุดในปี 2567 บริษัทยังเจอกับการขาดทุนสุทธิกว่า 237 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงจากปีก่อนหน้า โดยสามารถลดผลขาดทุนได้ จากการเติบโตอย่างชัดเจนของกําไรสุทธิในไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นผลสําเร็จจากการเริ่มรับรู้รายได้ จาก โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ตามแผนธุรกิจที่วางไว้ แต่ยังต้องรอให้โครงการสำคัญนี้เริ่มรับรู้รายได้เต็มปี

ดุสิตธานี

DUSIT ระบุว่า ปี 2568 เป็นช่วงเวลาปลดล็อกมูลค่าลงทุน ตามแผนกลยุทธ์สร้างความเติบโตในระยะยาว เพื่อเดินหน้าพลิกฟื้นธุรกิจให้แข็งแกร่ง โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ

งในส่วนของ ธุรกิจโรงแรม คาดจะมีอัตราการเติบโตของรายได้ประมาณ 15-18% เน้นขยายพอร์ตโรงแรมในรูปแบบรับจ้างบริหารจัดการ (Asset-light) เป็นโรงแรมเปิดใหม่ 5-7 แห่ง และคาดว่า จะมีการเซ็นสัญญาบริหารเพิ่ม 12-14 แห่ง

ส่วน ธุรกิจอาหาร ยังมีแนวโน้มเติบโตดี ประมาณการการเติบโตของรายได้ธุรกิจอาหารในปีนี้ไว้ที่ 20-25% โดยมีแผนขยายแฟรนไชส์บองชู เบเกอรี่ 12-25 สาขา รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรญี่ปุ่น Green House เพื่อขยายตลาด

ด้าน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ คาดจะสามารถขับเคลื่อนมูลค่า โครงการ ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จากการเปิดให้บริการในส่วนของอาคารสำนักงาน และศูนย์การค้าได้ในครึ่งหลังของปี 2568 และเริ่มทยอยโอนโครงการพักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส และ ดุสิต พาร์คไซด์ ในช่วงปลายปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 95% ของพื้นที่ขาย

ดุสิตธานี

โอกาสเทิร์นอะราวด์ในปี 2568

บทวิเคราะห์ บล. หยวนต้า ประเมินว่าปี 2568 จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ DUSIT แนะทยอยสะสมรอการเติบโตที่โดดเด่น คาดว่ารายได้จะเติบโต 30-35% YoY และกลับมามีกำไรปกติที่ 520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 244% YoY ด้วยปัจจัยสนับสนุน ดังนี้

ธุรกิจโรงแรมฟื้นตัว คาดว่ารายได้จากโรงแรมจะเติบโต 15-18% YoY โดยเฉพาะจากโรงแรม ดุสิตธานี กรุงเทพฯ ที่จะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบ

ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มรับรู้รายได้ จาก DCP บริษัทตั้งเป้าขายโครงการ Residence ได้ 95% และเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ปลายปี 2568

ธุรกิจอาหารเติบโตสูง คาดว่ารายได้จาก Catering และร้านเบเกอรี่ จะเพิ่มขึ้น 20-25% YoY

แม้ว่า DUSIT จะยังมีความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก เช่น จำนวนนักท่องเที่ยวที่อาจต่ำกว่าคาด หรือเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาว การทยอยสะสมหุ้นในช่วงนี้ อาจเป็นโอกาสในการลงทุนก่อนที่บริษัทจะกลับมาเติบโตอย่างเต็มที่ในครึ่งปีหลังของ 2568

ดังนั้น แนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 14.50 บาทต่อหุ้น หลังราคาหุ้น YTD ปรับตัวลง 17% ใกล้เคียงกับการปรับฐานของ SET Index -16% ปัจจุบันหุ้นซื้อขายบน PER 2568 ที่ 14 เท่า ประเมินว่า Valuation ไม่แพงแล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน