Stock

สงครามการค้า 2.0 สะเทือนแค่ไหน ‘หุ้นไทย-หุ้นโลก’

สรุปประเด็นสงครามการค้า 2.0 สะเทือนแค่ไหน หุ้นไทย-หุ้นโลก พร้อมโอกาสและความเสี่ยงในหุ้นไทย

สงครามการค้า หรือ Trade War 2.0 กลายเป็นประเด็นใหญ่ของโลกการลงทุนในสัปดาห์นี้ เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศแคนาดา และเม็กซิโก ในอัตรา 25% และจากประเทศจีน ในอัตรา 10% เรียกว่าเป็นการเปิดฉากสงครามการค้าครั้งใหม่ของสหรัฐอเมริกา หลังการขึ้นดำรงตำแหน่งของทรัมป์

ทว่าล่าสุด 4 กุมภาพันธ์ 2568 สหรัฐ ก็ได้เลื่อนการเก็บภาษีนำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปชั่วคราวเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากที่ จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา และ คลอเดีย ไชน์บาม ประธานาธิบดีเม็กซิโก ได้มีการสนทนาโทรศัพท์กับทรัมป์ในคืนวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ ก่อนที่คำสั่งขึ้นภาษีนั้นจะมีผลบังคับใช้ โดยทั้ง 2 ประเทศได้ตกลงที่จะเสริมกำลังตามแนวชายแดนที่ติดกับสหรัฐฯ เพื่อควบคุมการนำเข้ายาเฟนทานิลและการเข้ามาของผู้อพยพที่เข้าสู่สหรัฐ  อย่างผิดกฎหมาย

สงครามการค้า

อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ประเทศ จะโดนกำแพงภาษี 10% ตอนนี้ยังไม่มีการประกาศยกเลิก หรือเลื่อนออกไป โดยคาดว่าทรัมป์ จะมีการเจรจากับจีนภายในสัปดาห์นี้ ดังนั้นจึงเป็นสถานการณ์ที่นักลงทุนยังต้องจับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เนื่องจากความไม่แน่นอนอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาดหุ้นทั่วโลก

มอง 3 Scenario กำแพงภาษี

บทวิเคราะห์ Finnomena Funds มองว่าทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ แคนาดา เม็กซิโก และจีน เป็นประเทศที่เกินดุลการค้าสูงสุดกับสหรัฐ โดยทั้งสองประเทศแรกได้มีการเจรจาเกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากที่ผ่านมาทรัมป์ ได้ใช้กำแพงภาษีเพื่อการเจรจาต่อรอง และข้อตกลงการค้าใหม่ที่ทรัมป์ได้ลงนามตอนปี 2563 คือ USMCA (United States-Mexico-Canada Agreement) จะถึงกำหนดการทบทวนในเดือนกรกฎาคมปีหน้า ซึ่งทรัมป์อาจใช้กลยุทธ์การขึ้นภาษีในรอบนี้เพื่อให้เป็นข้อได้เปรียบในการทบทวนรอบใหม่ ส่วนตลาดหุ้นจีนคงต้องติดตามการเจรจาของสหรัฐฯ และจีนต่อไป

สงครามการค้า

ทั้งนี้ มองว่าทางออกของกำแพงภาษี สามารถแบ่งเป็น 3 Scenario ดังนี้

กรณีที่ 1 ไม่มีการเจรจา และจะส่งผลกระทบด้านลบรุนแรงต่อเศรษฐกิจโลกและสหรัฐ

กรณีที่ 2 ยกเลิกภาษีทั้งหมด จะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและตลาดโลก

กรณีที่ 3 ยกเลิกบางส่วน ถือว่าเป็นไปได้มากที่สุด (base-case scenario) และเป็นผลลัพธ์ที่สมเหตุสมผลที่สุด ทำให้ตลาดมีโอกาสฟื้นตัวแม้จะมีความผันผวนระหว่างทางการเจรจา

หากดูจากข้อมูลในอดีตที่ทรัมป์ใช้กำแพงภาษีเพื่อการเจรจาต่อรอง เชื่อว่าภาพต่อจากนี้จะเป็นไปตาม Scenario 3 คือ ผลกระทบกับเงินเฟ้อและเศรษฐกิจจะมีจำกัด และใช้ความผันผวนที่เกิดขึ้นเป็นจังหวะในการเข้าทยอยสะสมการลงทุน

โอกาสและความเสี่ยงในหุ้นไทย

บทวิเคราะห์ บล.บัวหลวง มองว่ากำแพงภาษีจะส่งผลกระทบเชิงลบกับเศรษฐกิจไทยอยู่ 2 ส่วนหลัก คือ 1. การส่งออกไทยเติบโตชะลอลง แต่มีค่อนข้างจำกัด 2. ผลกระทบทางอ้อมจากเงินเฟ้อและนักท่องเที่ยวต่างชาติ

เบื้องต้นอาจมีผลกระทบทางตรงต่อหุ้นกลุ่มส่งออกชิ้นส่วนยานยนต์ (ส่งออกไปแม็กซิโก) กลุ่มส่งออกอาหาร (ส่งออกไปแคนาดา) และส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้นน้ำ (ส่งออกไปจีน) และอาจกระทบกับอุตสาหกรรมเหล็กและอะลูมิเนียมในประเทศ โดยอาจจะมีสินค้าส่วนเกินจากจีนไหลทะลักเข้ามาไทยมากขึ้น และผู้ประกอบการไทยอาจจะต้องเผชิญการแข่งขันด้านราคาที่รุนแรง

สงครามการค้า

สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทย คาดระยะสั้นมีโอกาส oversold rebound หลังปรับตัวลงมาแรง ประกอบกับ Valuations ที่ไม่แพง ซื้อขายที่ PE 15.3 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต แต่ภาพรวมคาดว่ายังคงผันผวน และยังมีปัจจัยสำคัญนอกจากสงครามการค้า นั่นคือผลประกอบการไตรมาส 4/67

ทั้งนี้ มองว่าในกรณีฐาน (base case) สงครามการค้าไม่รุนแรงบานปลาย คาดเป้าหมาย SET index ที่ 1485 จุด EPS เติบโต 9% อ้างอิง PER ที่ 15.7เท่า พร้อมประเมินแนวรับบริเวณ 1270-1300 จุด

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X: https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน