Stock

CKP หุ้นเด่นโรงไฟฟ้า โมเมนตัมกำไรแกร่ง!

CKP หุ้นเด่นโรงไฟฟ้า โมเมนตัมกำไรแกร่ง ไม่เจอผลกระทบนโยบายลดค่าไฟ

ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า ที่ถูกนักวิเคราะห์ให้มุมมองการลงทุนที่เป็นบวก ต่อแนวโน้มการลงทุนในปี 2568 สำหรับ CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) โดยมีจุดเด่นในฐานะผู้ประกอบธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ซึ่งเป็นแกนธุรกิจหลักที่กำลังสร้างการเติบโตให้แก่บริษัท

โดยมีปัจจัยหนุนที่สรุปคร่าวๆ ก็คือ

1.  แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/2567 ที่คาดว่าจะยังคงเติบโต จากปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้นในการผลิตไฟฟ้า

2. ภาพรวมกำไรทั้งปี 2567 แม้อาจจะชะลอตัวลง แต่มีแนวโน้มดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาด

3. ประมาณการเติบโตของกำไรปี 2568

4. ธุรกิจหลักของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากนโยบายลดค่าไฟฟ้า

CKP

บทวิเคราะห์ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มองว่าปริมาณผลิตไฟฟ้าพลังน้ำในช่วงไตรมาส 4/2567 ของ CKP จะเพิ่มขึ้นโดดเด่นประมาณ 10% QoQ และ 14% YoY อยู่ที่กำลังกการผลิตไฟฟ้ารวมประมาณ 2,861 GWh แบ่งเป็นน้ำงึม 2 จำนวน 594 GWh และไซยะบุรี จำนวน 2,266 GWh โดยที่โครงการไซยะบุรีถือว่าจะมีปริมาณการผลิตโตขึ้นมามากทีเดียว  เกิดจากการหยุดผลิต 17 วัน ในไตรมาส 3/2567 ตามปริมาณน้ำไหลผ่านมากเกินไป รวมทั้งในไตรมาสนี้มีปริมาณน้ำฝนและการปล่อยน้ำจากเขื่อนในจีนทางตอนเหนือเพิ่มขึ้นด้วย

เพราะฉะนั้น คาดกำไรปกติงวดไตรมาส 4/2567 อยู่ที่ราว 798 ล้านบาท เติบโตสูงทั้ง QoQ และ YoY ตามปริมาณน้ำที่เพิ่มขึ้น  อย่างไรก็ตาม คาดว่า CKP จะรายงานกำไรสุทธิที่ 531 ล้านบาท เพราะเกิดผลขาดทุน FX รวม  267 ล้านบาท ตามทิศทางเงินบาทอ่อนค่า บริษัทมีเงินกู้ยืมเป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับตัวหนุนกำไรหลักของ CKP เกิดจากส่วนแบ่งกำไรปกติของโรงไฟฟ้าไซยะบุรี ตามปริมาณผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ EBITDA Margin เพิ่มขึ้นเป็น 92% และได้ประโยชน์จากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลงตามการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed

หากคาดการณ์ถูกต้อง กำไรปกติปี 2567 จะอยู่ที่ 1.29 พันล้านบาท ลดลง 11% จากปีก่อน แต่ดีกว่าประมาณการเดิมที่ 1.0 พันล้านบาท ทั้งนี้ CPK มีแผนจะรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 2567 ก่อนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568

ในขณะที่ประเมินแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2568 คาดกำไรเติบโตสูง YoY ต่อเนื่อง เนื่องด้วยแนวโน้มปริมาณน้ำที่ดีขึ้นประมาณ 10-15% จึงยังคงประมาณการกำไรปี 2568 ไว้ที่ 1.34 พันล้านบาท โดยมีแนวโน้มปรับขึ้นหากปริมาณผลิตไฟฟ้าไตรมาสแรกออกมาดีกว่าคาด

CKP

มุมมองนักวิเคราะห์ บล. แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ คงคำแนะน า “ซื้อ” CKP ราคาเป้าหมาย 4.40 บาทต่อหุ้น พร้อมเลือกเป็นหุ้นเด่นโรงไฟฟ้า โดยมองว่าราคาหุ้นที่ลดลงมากเกินไปทั้งจาก Sentiment เชิงลบจากกลุ่มโรงไฟฟ้า และการที่ Bond Yield สหรัฐ เพิ่มขึ้น ทำให้ซื้อขายเพียง P/B ที่ 0.8 เท่า จังหวะนี้เป็นโอกาสซื้อ ตามแนวโน้มกำไรไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่งกว่ากลุ่ม และผลกระทบจากนโยบายลดค่าไฟฟ้าของภาครัฐไม่มาก

เช่นเดียวกันกับมุมมองนักวิเคราะห์ บล. ฟินันเซีย ไซรัส ให้คําแนะนํา “ซื้อ” CKP ราคาเป้าหมาย 3.50 บาทต่อหุ้น แม้ว่าการลงทุนใน CKP ยังมีจุดที่ต้องระวังคือความเสี่ยงทางการเงินของต้นทุนการเงินที่ยังอยู่ในระดับสูง และมีความเสี่ยงจากความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เพิ่มขึ้น โดยหลักๆ มาจากโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหลวงพระบางที่เบิกเงินกู้เพิ่มขึ้น

การที่ราคาหุ้นได้ปรับลงในช่วงเดือนที่ผ่านมา ได้สะท้อนผลการดําเนินงานที่กําลังเข้าสู่ช่วง Low Season ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 และเทรนด์ดอกเบี้ยที่ยังยืนอยู่ในระดับสูงค่อนข้างมากแล้ว จนราคาหุ้นตํ่ากว่ามูลค่า NAV ดังนั้น จึงมองเป็นโอกาสเข้าลงทุนได้

CKP

เชื่อว่าตัวแปรในการลงทุน CKP ตลอดปี 2568 จะอยู่ที่ “โครงการไซยะบุรี” และ “โครงการหลวงพระบาง” ที่ทําให้กําไรของ CKP ผันผวน เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังงานนํ้าไซยะบุรี ใช้เทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าแบบไหลผ่าน (Run of River) เป็นการสร้างเขื่อนทดนํ้าบนแม่นํ้าโขงเพื่อยกระดับนํ้าให้สูงขึ้น ขนาดกําลังผลิต 1,285 MW ดังนั้นหากมีปริมาณนํ้าไหลผ่านโรงไฟฟ้ามากจนทําให้นํ้าใต้เขื่อนขึ้นสู่ระดับสูงจําเป็นต้องหยุดผลิตไฟฟ้าชั่วคราวเหมือนที่ผ่านมา

นอกจากนี้ ทั้งสองโครงการมีหนี้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ และยังจะมียอดหนี้เพิ่มขึ้นตามการเบิกเงินกู้เพื่อลงทุนก่อสร้างโครงการหลวงพระบางที่คาดเสร็จปี 2573 ดังนั้น หากเงินบาทแข็งหรืออ่อนค่าก็จะส่งผลให้เกิด FXgain/loss รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยก็จะมีผลต่อต้นทุนทางการเงินของโครงการดังกล่าวด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน