Stock

ส่อง 15 หุ้นเด่นรับอานิสงส์ ‘ทรัมป์’ ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

ส่อง 15 หุ้นเด่นรับอานิสงส์ “โดนัลด์ ทรัมป์” ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ

KSecurities ระบุว่า Donald Trump ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐอเมริกา พร้อมจับตาหุ้นไทยที่ได้ประโยชน์ ผลการเลือกตั้งล่าสุดในสหรัฐ บ่งชี้ว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ชนะการเลือกตั้งและจะขึ้นเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของสหรัฐ ซึ่งจะทำให้เขาเป็นประธานาธิบดีคนที่สองในประวัติศาสตร์สหรัฐที่ดำรงตำแหน่งในวาระสองแบบไม่ติดต่อกัน ต่อจาก โกรเวอร์ คลีฟแลนด์

หุ้นเด่น

ผลการเลือกตั้งสะท้อนถึงความไม่พอใจต่อการบริหารงานของประธานาธิบดีโจ ไบเดนจากพรรคเดโมแครต แม้ว่าไบเดนจะไม่ลงสมัครเป็นสมัยที่สองและได้เสนอคามาลา แฮร์ริสเป็นตัวแทน แต่ก็ไม่สามารถบรรเทาความไม่พอใจของประชาชนได้

ประเด็นหลักที่ชาวอเมริกันให้น้ำหนักในการเลือกตั้งครั้งนี้ ได้แก่ ประเด็นวิถีประชาธิปไตย, ภาวะเศรษฐกิจ และการอพยพของย้ายถิ่นฐานของคนต่างชาติ ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและตลาดแรงงานที่ชะลอตัวในช่วงที่ไบเดนดำรงตำแหน่ง ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าเกือบครึ่งหนึ่งของผู้ลงคะแนนรู้สึกว่าฐานะทางการเงินของตนแย่ลงเมื่อเทียบกับสี่ปีที่แล้ว และราว 60% ไม่พอใจต่อผลงานของไบเดน

หุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่มีแนวโน้มเผชิญกับความผันผวนสูงขึ้นในระยะสั้น

ในระยะสั้น เรามองว่าสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะหุ้นในตลาดเกิดใหม่อาจมีการตอบสนองเชิงลบ ขณะที่หุ้นในสหรัฐฯ อาจได้รับแรงหนุน เนื่องจากนโยบายการค้าของทรัมป์คาดว่าจะเข้มงวดกว่านโยบายของคามาลา แฮร์ริส โดยมีแผนจะเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็น 60% และเพิ่มภาษีเป็น 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากประเทศอื่น ๆ นอกจากนี้ ทรัมป์ยังมีแผนลดอัตราภาษีของภาคธุรกิจและขยายมาตรการลดภาษีที่ได้เริ่มในปี 2560 นโยบายเหล่านี้อาจส่งผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่า และส่งผลกระทบเชิงลบต่อหุ้นในตลาดเกิดใหม่

ความเสี่ยงปานกลางจากการแข็งค่าของดอลลาร์และการเทขายหุ้น

แม้ว่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าในช่วงหลังการเลือกตั้ง แต่คาดว่าอาจกลับมาอ่อนค่าในช่วงต้นปีหน้าได้ โดยเราประเมินว่าความเสี่ยงในการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบกับดอลลาร์จะอยู่ในกรอบจำกัดหลังอ่อนค่ามาเร็วและแรงแล้ว โดยคาดอาจแตะระดับสูงกรอบบนที่ราว 34.5-35.0 บาท ในช่วงปลายปี 2567 เป็นแนวต้านสำคัญ เช่นเดียวกันกับ SET Index หากมีการปรับตัวลงอาจเป็นโอกาสในการสะสม จากสถิติในอดีต SET Index มักผันผวนก่อนที่จะให้ผลตอบแทนเป็นบวกได้ในช่วง 1-2 เดือนหลังการเลือกตั้งสหรัฐ

หุ้นเด่น

กลุ่มหุ้นที่เรามองจะได้ประโยชน์ คือ

  • กลุ่มนิคมอุตสาหกรรม : AMATA WHA (จากประโยชน์ของกระแสย้ายฐานการผลิตมายังไทย)
  • กลุ่มส่งออก เช่น อิเล็กทรอนิกส์ : DELTA HANA KCE (จากประโยชน์ของกระแสการย้ายคำสั่งซื้อสินค้า)
  • อาหาร : CPF TU ASIAN ITC AAI
  • ยางและผลิตภัณฑ์ : STA STGT
  • กลุ่มธนาคารและประกัน : BBL TLI BLA (จากประโยชน์ของดอกเบี้ยต่างประเทศปรับตัวขึ้น)

มุมมอง KS ในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว

แม้นโยบายของทรัมป์ระยะสั้นอาจมองเป็นบวกต่อหุ้นสหรัฐฯและต่อคนอเมริกัน (American first) จากการลดภาษีบุคคลและภาษีธุรกิจ การมุ่งเน้นฟื้นตลาดแรงงาน ลดการอพยพผิดกฎหมาย ลดการขาดดุลการค้า ลดการสนับสนุนทางการเงินและทางการทหารให้กับต่างชาติ

แต่ในระยะกลางยาว นโยบายของทรัมป์อาจทำให้เงินเฟ้อกลับมาจากตลาดแรงงานที่ตึงตัวขึ้น ต้นทุนราคาสินค้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ด้านการขาดดุลการค้าเองก็พิสูจน์แล้วภายหลังสงครามการค้ารอบแรกว่าการขาดดุลการค้าของสหรัฐฯไม่ได้ลดลงภายใต้การดำเนินกลยุทธ์ปกป้องการค้าด้วยการขึ้นภาษีนำเข้า

ดังนั้นระยะกลางไปเรายังคงมุมมองระมัดระวังต่อสำหรับภาพรวมเศรษฐกิจสหรัฐที่ยังมีความท้าทายและนโยบายทรัมป์ยังต้องได้รับการพิสูจน์ว่าจะมีประสิทธิภาพเพียงพอให้เศรษฐกิจสหรัฐกลับมาเร่งตัวหลักเลียงการเกิดภาวะชะลอตัวได้หรือไม่

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK