Stock

‘ดาวโจนส์’ พุ่ง 324.31 จุด ทะลุแนว 42,000 จุด ข้อมูลภาคบริการ ช่วยคลายกังวล ‘เศรษฐกิจถดถอย”

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (5 พ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” เพิ่มขึ้น 324.31 จุด ทะลุแนว 42,000 จุด ขานรับดัชนีภาคบริการที่แข็งแกร่งช่วยคลายกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ล่าสุดอยู่ที่ 42,118.91 จุด เพิ่มขึ้น 324.31 จุด หรือ 0.78% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 5,762.55 จุด เพิ่มขึ้น 49.86 จุด หรือ 0.87% และดัชนีแนสแด็กที่ 18,381.05 จุด เพิ่มขึ้น 201.07 จุด หรือ 1.11%

ดาวโจนส์

สถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือนตุลาคม แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2565 และเพิ่มขึ้นจากระดับ 54.9 ในเดือนกันยายน

ดัชนียังคงปรับตัวสูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้การขยายตัวของภาคบริการ โดยได้แรงหนุนจากการดีดตัวขึ้นของการจ้างงาน ทั้งนี้ ดัชนีภาคบริการของ ISM ประกอบด้วยอุตสาหกรรม 17 กลุ่ม ซึ่งรวมถึงอสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง การก่อสร้าง และเหมืองแร่

วันนี้ ตลาดยังจับตาผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยผลการสำรวจจากหลายสำนักต่างบ่งชี้คะแนนนิยมที่สูสึกันอย่างมากระหว่างนางคามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต และนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งเป็นผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน

เนื่องจากสหรัฐเป็นประเทศขนาดใหญ่ และใช้โซนเวลาแตกต่างกัน จึงทำให้แต่ละรัฐมีเวลาเปิดปิดหีบเลือกตั้งไม่เหมือนกัน โดยจอร์เจีย อินเดียนา และเคนตักกี อยู่ในกลุ่มรัฐแรก ๆ ที่ปิดหีบเลือกตั้ง ในวันนี้ เวลา 19.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือพรุ่งนี้เช้าเวลา 07.00 น.ตามเวลาไทย และการประกาศคะแนนเลือกตั้งของแต่ละรัฐจะทยอยออกมาจนถึงรัฐอะแลสกาเป็นรัฐสุดท้าย โดยผู้ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะต้องได้รับคะแนนเสียงจากคณะผู้เลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 270 เสียง จากทั้งหมด 538 เสียง

อย่างไรก็ดี คาดว่าการนับคะแนนเลือกตั้งอาจใช้เวลาหลายวันก่อนที่จะมีการประกาศชื่อผู้ชนะการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเช่นเดียวกับการเลือกตั้งในปี 2563 ซึ่งนายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครตสามารถคว้าชัยชนะเหนือนายโดนัลด์ ทรัมป์ คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน

ดาวโจนส์

ตลาดยังให้ความสนใจกับการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ (6 พ.ย.) โดยนักลงทุนพากันคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมครั้งนี้ และคาดว่า จะลดดอกเบี้ย 0.25% เช่นกันในเดือนธันวาคม

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 96.0% ที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุมครั้งนี้ และให้น้ำหนัก 80.1% ที่จะลดดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 4.25-4.50% ในการประชุมเดือนธันวาคม

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X: https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo