Stock - Finance

บล.กรุงศรี อัปเกรดคำแนะนำ ‘ซีเค พาวเวอร์’ มองกำไรไตรมาส 3 โตแกร่ง

บล.กรุงศรี อัปเกรดคำแนะนำ “ซีเค พาวเวอร์” มองกำไรไตรมาส 3 โตแกร่ง มองว่ากำไรไตรมาส 4 จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง 

CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า โดยปัจจุบันมีแกนหลักคือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำ ด้วยกำลังการผลิตติดตั้งรวม 3,360 เมกะวัตต์ (MW) นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าระบบโคเจเนอเรชัน ซึ่งเป็นฐานที่สร้างความมั่นคงของบริษัท และรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ ซึ่งเป็นรายได้ส่วนเสริมเข้ามาเพิ่มเติม

ตั้งแต่ต้นปี 2567 จะเห็นว่า CKP เป็นหนึ่งในหุ้นไทย ที่มีความเคลื่อนไหวของราคาเป็นบวก โดยผลตอบแทน Year to Date ณ วันที่ 8 ตุลาคม 2567 ปรับเพิ่มขึ้น 10.12% แม้จะไม่ได้พุ่งร้อนแรงแบบก้าวกระโดด แต่ก็ถือว่าวิ่งเป็นแนวโน้มแบบ Sideway Up อย่างต่อเนื่อง

ซีเค พาวเวอร์

ปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญของ CKP ในปีนี้ หลักๆ อยู่ที่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าที่สูงขึ้นของโรงไฟฟ้าน้ำงึม 2 (NN2) ประกอบกับมีอัพไซด์จากปรากฏการณ์ลานีน่าที่ส่งผลให้ปริมาณน้ำฝนมีมากขึ้นกว่าเดิม จึงมีโมเมนตัมเชิงบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการปี 2567

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ล่าสุดของ บล.กรุงศรี ได้ปรับคำแนะนำการลงทุนในหุ้น CKP จาก Trading Buy (ซื้อเก็งกำไร) เป็น “Buy” (ซื้อลงทุน) พร้อมให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 5.2 บาทต่อหุ้น จาก 4.3 บาทต่อหุ้น โดยเป็นการ Rolled Over ไปใช้ราคาเป้าหมายปี 2568

โดยมองแนวโน้มกำไรสุทธิใน 3 ปี 2567 คาดว่า CKP จะเติบโตระดับ 59% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโตถึง 22 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา แม้ว่าโรงไฟฟ้าโครงการ XPCL จะมีการหยุดผลิตไฟฟ้ารวม 17 วัน ในช่วงเดือนสิงหาคมถึงกันยายน 2567

อย่างไรก็ตาม เชื่อกำไรหลักจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านบาท และกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.6 พันล้านบาท โดยมาจากรายได้ที่สูงขึ้นและอัตรากำไรขั้นต้น ที่เกิดจากประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าที่ดีขึ้นของโครงการโรงไฟฟ้า NN2 และการเพิ่มขึ้นของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุน

ขณะเดียวกันมองว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 จะยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้ปรับประมาณการกำไรหลักสำหรับปี 2567-2569 เพิ่มขึ้น 48%, 17%, และ 9% ตามลำดับ ซึ่งมาจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งรายไตรมาส ตามปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำที่สูงขึ้น รวมไปถึงส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนที่มากกว่าคาดไว้ก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังได้ปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 26.7%, 26.5% และ 21.7% (จากเดิมคือ 25.4%, 20.6% และ 20.7%) เพื่อสะท้อนถึงประสิทธิภาพการดำเนินงานที่ดีขึ้น พร้อมกับปรับอัตราส่วนค่าใช้จ่าย SG&A ต่อรายได้เป็น 5.2% จากเดิมคือ 4.9% และส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนเพิ่มขึ้นอีก 54% จากประมาณการเดิมเป็น 936 ล้านบาทในปีนี้

ซีเค พาวเวอร์

สำหรับการปรับราคาเป้าหมายใหม่ของนักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี มาจากสมมติฐาน Risk Fee อยู่ที่ 2.5% Market Risk Premium อยู่ที่ 8% และ beta อยู่ที่ 1.2 โดยหากแบงก์ชาติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย จะทำให้กำไรเพิ่มขึ้นแต่ในวงจำกัด เนื่องจากประมาณ 80% ของเงินกู้เป็น fixed rate

สำหรับเขื่อนที่ลาวประมาณ 70-80% ของเงินกู้ระยะยาวเป็นสกุลเงินบาทและส่วนที่เหลือเป็นดอลลาร์  ดังนั้น ประเมินว่าการลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ 0.25% อาจทำให้กำไรปี 2567 เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 80 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5%

ราคาเป้าหมายหุ้น CKP ที่ระดับ 5.2 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัพไซด์จากราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 41% คิดเป็น P/E ปี 2567 ที่ 16.7 เท่า และ P/BV ปี 2567 ที่ 1.1 เท่า ถือว่ายังถูกกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัท

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน