Stock

‘KTC’ ชะลอการโตเร็วในระยะสั้น เพื่อโอกาสไปต่อในระยะยาว

KTC หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นสินเชื่อส่วนบุคคล และบัตรเครดิตเบอร์หนึ่งในไทย ซึ่งครอบคลุมไปถึงสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ และสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน

นอกจากนี้ บริษัทได้จัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครอบคลุม ธุรกิจสินเชื่อรายย่อยสำหรับการประกอบอาชีพ ธุรกิจเงินอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจเช่าซื้อ และธุรกิจลีสซิ่ง

KTC

ช่วงที่ผ่านมา ธุรกิจบัตรเครดิตเจอกับความท้าทายในแง่ของการเติบโต ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง และผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราจ่ายขั้นต่ำบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 8% ตั้งแต่รอบบัญชีเดือนมกราคม 2567

ล่าสุด บล.เมย์แบงก์ ได้ออกบทวิเคราะห์อัปเดตมุมมองการลงทุนในหุ้น KTC โดยมีประเด็นสำคัญว่า “ชะลอการเติบโตสินเชื่อ เพื่อพัฒนาคุณภาพสินทรัพย์” คงคำแนะนำ “ซื้อ” แต่ปรับลดราคาเป้าหมายลงเหลือ 48 บาทต่อหุ้น จาก 3 ประเด็น ดังนี้

ปรับลดการเติบโตของสินเชื่อปี 2567

KTC ปรับลดคาดการณ์การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และการเติบโตของสินเชื่อ ซึ่งเป็นเป้าหมายทางการเงินปี 2567 โดยการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจะลดลงเหลือ 10-12% จากเดิมตั้งไว้ 15% และการเติบโตของสินเชื่อลดเหลือ 1-3% จากเดิม 6-7%

เนื่องจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่อ่อนแอ ส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิต และการเร่งตัดบัญชี NPL โดยในครึ่งแรกของปีนี้ สินเชื่อ และการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตของ KTC โตอยู่ที่ 0% และ 10% YoY ตามลำดับ

การลดเป้าหมายลงเพราะทางผู้บริหารคาดว่า การปล่อยสินเชื่อใหม่สำหรับสินเชื่อจำนำทะเบียน ไม่น่าจะบรรลุเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท หลังจากที่ปล่อยไปได้ 1,300 ล้านบาท ในช่วงครึ่งปีแรก 2567

KTC

คาด NPL จะสูงในไตรมาส 3 และลดลงในไตรมาส 4

ผู้บริหารยังคงเป้าหมายอัตราส่วน NPL ไว้ที่น้อยกว่า 2.0% ในปี 2567 เทียบกับ 1.97% ในไตรมาส 2/67 ตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ช้า

นักวิเคราะห์คาดว่า NPL จะยังคงสูงในไตรมาส 3/67 และไปลดลงในไตรมาส 4/67 ขณะที่ต้นทุนความเสี่ยงจากการให้สินเชื่อ (credit cost) อาจลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี โดยมีประเด็นบวกคือ รายได้จากหนี้สูญที่ได้รับเงินคืนที่แข็งแกร่ง (จากการตัดบัญชี NPL ที่เร็วขึ้น) จะหนุนกำไรปี 2567 ให้เติบโต

อานิสงส์จากการขยายระยะเวลาชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต 8%

ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ขยายระยะเวลาการชำระขั้นต่ำบัตรเครดิตที่ 8% ไปจนถึงสิ้นปี 2568 เพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ที่เปราะบาง โดยลูกหนี้ที่ชำระขั้นต่ำจะได้รับเงินคืน 0.5% ในครึ่งแรกของปี 2568 และ 0.25% ในครึ่งหลังของปี 2568

จึงคาดว่า KTC จะได้รับประโยชน์จาก credit cost ที่ลดลง รวมทั้งอัตราส่วน NPL ที่ต่ำลง และได้รับผลกระทบจำกัดจากการคืนเงินดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งมองว่าการคืนเงินนี้ เป็นแคมเปญการตลาดจากธนาคารแห่งประเทศไทย เพื่อกระตุ้นให้ผู้ถือบัตรปิดหนี้ให้เร็วขึ้น

สรุปแล้วมุมมองจากนักวิเคราะห์ คาดว่าการเติบโตของสินเชื่อจะชะลอตัวลง เนื่องจากการตัดบัญชี NPL ที่รวดเร็วขึ้น และการมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงขึ้น

KTC

โดยคาดว่า KTC จะรักษาอัตราการจ่ายเงินปันผลไว้ที่ 45% สำหรับปี 2567 และเพิ่มขึ้นเป็น 50% สำหรับงบปี 2568-2569 คงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมีราคาเป้าหมายที่ลดลงเหลือ 48 บาทต่อหุ้น

อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเติบโตของสินเชื่อที่ลดลง และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่สูงขึ้น แต่ยังคงเชื่อว่ากำไรของ KTC มีแนวโน้มเติบโตชัดเจน และคุณภาพสินทรัพย์แข็งแกร่งกว่าคู่แข่งในระยะยาว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน