Stock

แผนเชิงรุก ‘GC’ เน้นโตในผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง

แผนเชิงรุก PTTGC ปรับโครงสร้าง เน้นเติบโตในผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง  พร้อมมุมมองนักวิเคราะห์

หุ้น PTTGC หรือ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) แกนนำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ (Chemical Flagship) ของกลุ่ม ปตท. ล่าสุดได้จัดการประชุมนักวิเคราะห์ประจำงวดไตรมาส 2 ปี 2567 หลังบริษัทรายงานผลประกอบการมีกำไรสุทธิ 1.8 พันล้านบาท พลิกจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุน และมีรายได้ขายรวม 1.6 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมสำเร็จรูป กลุ่มผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ และกลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ นอกจากนี้ ยังมีกำไรพิเศษจากรายการซื้อคืนหุ้นกู้สหรัฐ และการขาย พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น

บทความนี้ เราจึงได้รวบรวมมุมมองจากบทวิเคราะห์ต่าง ๆ หลังการประชุมนักวิเคราะห์ของหุ้น PTTGC มาฝากกัน

GC

PTTGC เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์

เริ่มกันที่บทวิเคราะห์ บล.เคจีไอ เปิดเผยว่า มีมุมมองเชิงบวกหลังร่วมประชุมนักวิเคราะห์งวดไตรมาส 2/2567 โดยเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ใน 3 ประเด็นสำคัญ ได้แก่

1. ยังมี upside ของปริมาณ ethane feedstock จากช่วงครึ่งปีแรก

2. คลายความกังวลเกี่ยวกับผลขาดทุนจากการด้อยค่า ด้วยการเปิดเผยยอดขาดทุนสูงสุดที่อาจะเกิดขึ้น

3. เร่งการเติบโตของ Allnex ด้วยการขยายกําลังการผลิตในอินเดีย

โดยคาดว่าผลประกอบการจากธุรกิจหลักของ PTTGC จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2567 จากปริมาณ ethane feedstock ที่เพิ่มขึ้น และการกลับมาเปิดใช้งาน Single Point Mooring (SPM) ตั้งแต่วันที่ 14 กรกฎาคมเป็นต้นทั้งนี้ ethane ยังคงเป็น priority แรกสําหรับใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิต olefins ต้นน้ำในสายปิโตรเคมี จึงคาดว่า market GRM ของ PTTGC จะเพิ่มขึ้น 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

อีกทั้งผู้บริหารให้ข้อมูลเกี่ยวกับการด้อยค่า ระบุว่าจะได้รับผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวมากที่สุดประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากการด้อยค่าของสินทรัพย์ ส่วนใหญ่มาจาก Vencorex และ PTT Asahi Chemical (PTTAC) โดยคิดเป็นเทียบเท่า 4.45 บาทต่อหุ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าราคาหุ้น PTTGC สะท้อนผลกระทบดังกล่าวไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่ราคาหุ้นร่วงลงมาจาก 37.50 บาท เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม มาอยู่ที่ 23.80 บาทในกลางเดือนสิงหาคม

นอกจากนี้ PTTGC จะเร่งการเติบโตของ Allnex ด้วยการขยายกําลังการผลิตที่ประเทศอินเดีย  เป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้กําลังการผลิตของ Allnex ในอินเดียจะเพิ่มขึ้นเป็น 25.5 KTA ในปี 2568 จาก 7.5 KTA ในปัจจุบัน โดยผู้บริหารยังตั้งเป้าจะเพิ่ม EBITDA ของ Allnex ให้สูงขึ้น 50% ภายในช่วงเวลา 6 ปี

จึงยังคงคําแนะนํา “ซื้อ” PTTGC ประเมินราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 41.00 บาทต่อหุ้น โดยเชื่อว่าผลประกอบการจากธุรกิจหลักที่จะดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง จะช่วยหนุนราคาหุ้นได้

GC

ปรับโครงสร้าง เน้นโต High Value Product

ในขณะที่ บล.กรุงศรี ก็มีมุมมอง slightly positive ต่อข้อมูลในที่ประชุมนักวิเคราะห์จากแผนระยะยาวเป็นเชิงรุกมากขึ้น เน้นการเติบโตผ่านการขยาย Allnex รวมถึงแผนขยายตลาดในอินเดีย อาจสร้าง upside ต่อไปได้

ทั้งนี้ การปรับโครงสร้างธุรกิจที่ไม่ทำกำไรมีความคืบหน้า โดยบริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรและคู่ค้าในการลดต้นทุน ผู้บริหารคาดว่าจะได้บทสรุปของ Vencorex ภายในไตรมาส 3/2567 และ PTTAC ในช่วงปลายปี

แผนกลยุทธ์ที่น่าสนใจของ PTTGC คือการเน้น optimize feedstock และปรับ product เพิ่มความสามารถในการแข่งขันบริษัท โดยมองว่าโครงการ ORP&OMP ทำให้บริษัทมีความยืดหยุ่นมากขึ้นในการเลือกใช้ feedstock ในสภาวะที่ราคามีความผันผวน รวมถึงเพิ่มการเติบโตของ High Value Product กลุ่ม Polymers ที่กำไรผันผวนน้อยกว่า โดยบริษัทมีเป้าหมายปริมาณขาย HVP เพิ่มเป็น 56% ภายใน 2573 จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 37%

เป็นโอกาสเข้าซื้อ Valuation อยู่ในระดับต่ำ

มุมมอง บล.หยวนต้า ภาพรวมมีมุมมองเป็นกลางต่อแนวโน้มธุรกิจของ PTTGC แต่ในระยะสั้นมองว่าหุ้นอาจฟื้นตัวได้จาก Valuation ปัจจุบันอยู่ระดับต่ำ ซื้อขายบน PBV เพียง 0.4 เท่า แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเหมาะสม 33 บาทต่อหุ้น เพราะเชื่อว่าการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมจะเป็นแบบค่อยเป็นค่อยไป และในปี 2568 มีปัจจัยประเด็นการปรับสัญญาราคาซื้อขายวัตถุดิบก๊าซสำหรับการผลิตโอเลฟินส์เข้ามาหนุน

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight