Stock

โอกาสลงทุน ‘CKP-DOHOME-GLOBAL’ หุ้นเด่นรับฝนฉ่ำ

โอกาสลงทุน “CKP-DOHOME-GLOBAL” หุ้นเด่นรับฝนฉ่ำ หลังกรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะลานีญา ในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายนนี้ 

การลงทุนในช่วงกลางปีที่เป็นฤดูฝนแบบนี้ หลายคนอาจจะมองว่าเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจในประเทศไทย แต่เอาจริงๆ แล้ว หากเจาะลึกลงไปเรายังคงมีธีมการลงทุนฤดูฝนที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย

โดยเฉพาะในปี 2567 นี้  คาดว่าจะมีปริมาณน้ำฝนเพิ่มสูงขึ้น ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประเมินว่าประเทศไทยจะเข้าสู่ภาวะลานีญาในช่วงเดือนกรกฎาคม – กันยายน 2567 สำหรับในเดือนกรกฎาคมนี้ คาดว่าจะมีปริมาณฝนสูงกว่าค่าปกติ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วงเดียวกันของปี 2534-2563

หุ้นเด่น

3 หุ้นเด่นรับฝนฉ่ำ

ทั้งนี้ บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรี เปิดเผยว่า ปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มมากขึ้น จะส่งผลประโยชน์ต่อ 3 หุ้นเด่น ได้แก่

1.  CKP หรือ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) เนื่องจากปริมาณฝนที่เพิ่มขึ้น ส่งผลบวกโดยตรงกับหุ้นที่ผลิตไฟฟ้าจากเขื่อนพลังงานน้ำ

2. DOHOME หรือ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ได้รับอานิสงส์จากผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนรายได้เกษตรกรให้สูงขึ้นในอนาคต นับเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นในกลุ่มรากหญ้า

3.  GLOBAL หรือ บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ได้รับอานิสงส์จากผลผลิตของเกษตรกรเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนรายได้เกษตรกรให้สูงขึ้นในอนาคต นับเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นในกลุ่มรากหญ้า

สำหรับ CKP เป็นผู้นำในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าน้ำภายใต้กำลังการผลิตติดตั้ง 3,360 เมกะวัตต์ จำนวนทั้งสิ้น 3 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้า น้ำงึม 2, โรงไฟฟ้าไซยะบุรี และโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (ที่ระหว่างการก่อสร้าง) โดยทั้ง 3 แห่ง เป็นบริษัทที่จดทะเบียนใน สปป.ลาว และได้รับสัมปทานจากรัฐบาลลาวในการออกแบบพัฒนา ก่อสร้าง และดำเนินการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้า

นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าผลประกอบการไตรมาส 2/2567 ของ CKP จะฟื้นตัว และหนุนกำไรครึ่งหลังปี 2567 เติบโตได้ดี เพราะสถานการณ์น้ำในเขื่อน Xiaowan และ Nuozhadu รวมกันมีปริมาณเพิ่มขึ้นถึง 67% จากปีก่อน ซึ่งมีอิทธิพลต่อโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี ทำให้คาดว่าปริมาณฝนจะดีกว่าครึ่งหลังปี 2566 และครึ่งแรกปี 2567 ทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีและน้ำงึม 2 จะมีปริมาณผลิตไฟฟ้ามากขึ้น

หุ้นเด่น

นอกจากนึ้ ความน่าสนใจของ CPK คือ Valuation ถูก เนื่องด้วย P/E ปี 2567 ซื้อขายกันเท่ากับ 16 เท่า และ P/BV ที่ 1.1 เท่า ในขณะที่คาดว่าบริษัทน่าจะมีกำไรเติบโตในระดับไม่น้อยกว่า 20%

ด้าน DOHOME และ GLOBAL ซึ่งโดดเด่นในฐานะห้างค้าปลีกสินค้าประเภทวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านในพื้นที่ต่างจังหวัด โดยคาดว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามาเยอะขึ้น ตามการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อขายงานหลังบ้าน รวมถึงกำลังซื้อที่ดูดีขึ้นของประชาชนในแต่ละภูมิภาค ประกอบกับการบริหารจัดการสต็อกสินค้าได้มีปนะสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้ SSSG คาดจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น หนุนอัตรากำไรของทั้ง 2 บริษัท

ราคาหุ้น DOHOME ปัจจุบันซื้อขาย Valuation บน P/E ปี 2567 เท่ากับ 60 เท่า และ P/BV เท่ากับ 2.78 เท่า ส่วน GLOBAL ซื้อขายบน P/E ปี 2567 เท่ากับ 30.42 เท่า และ P/BV เท่ากับ 3.19 เท่า

ทั้งหมดนี้ก็เป็นหุ้นที่ยังคงมีโอกาสในภาวะที่ตลาดหุ้นยังซึมๆ ซึ่งถือว่าเป็นธีมการลงทุนทางเลือกท่มกลางฤดูฝนที่ยังคงพัดกระหน่ำใส่นักลงทุนไทยในขณะนี้

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน