“SCGP” เข้าสู่รอบของการฟื้นตัวเต็มรูปแบบ!? พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 2567-2568 ด้วยเหตุผลอะไร
การฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศจีน ถือว่ามี Correlation กับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และการส่งออกเคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก และบรรจุภัณฑ์ของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียเป็นอย่างมาก เพราะตลาดจีนที่เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของไทย ซึ่งมีการบริโภคสินค้าดังกล่าวเป็นมูลค่ามหาศาล
ถ้าจะพูดถึงบริษัทไทยที่ประกอบธุรกิจด้านบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร แน่นอนว่าต้องเป็น SCGP หรือ บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) มีธุรกิจแบ่งออกเป็น 3 สายหลัก คือ สายธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร สายธุรกิจเยื่อและกระดาษ และสายธุรกิจรีไซเคิล
ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (10 มิ.ย.67) ราคาหุ้น SCGP เคลื่อนไหวปรับตัวลงราว 10% เนื่องจากเศรษฐกิจจีนฟื้นตัวช้ากว่าที่ตลาดประเมิน และมีความกังวลของตลาดเกี่ยวกับการเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในประเทศอินโดนีเซีย (Fajar) ปัจจุบันราคาหุ้นวิ่งอยู่ในกรอบ 33.25-34 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคา IPO ในช่วงปี 2563 ที่ระดับ 35 บาทต่อหุ้น
อย่างไรก็ดี ล่าสุดบทวิเคราะห์ บล. หยวนต้า ได้ออกมาอัปเกรดคำแนะนำการลงทุนหุ้น SCGP โดยปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2567 เป็น 41 บาทต่อหุ้น (เดิม 36.50 บาทต่อหุ้น) คิดเป็น Upside ประมาณ 18.0% และปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม Trading
โดยมองว่า SCGP กำลังเข้าสู่รอบของการฟื้นตัวเต็มรูปแบบ เนื่องด้วยปัจจัยลบต่างๆ ได้คลี่คลายแล้ว หลังจีนรายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจในทิศทางบวกอย่างต่อเนื่อง เช่น PMI ภาคการผลิต และตัวเลขนำเข้า-ส่งออก ปัจจุบันปริมาณการนำเข้า Packaging Paper ของจีนได้ฟื้นตัวกลับมาที่ระดับ 8 แสนตันต่อเดือน ใกล้เคียงกับช่วง Pre-COVID แล้ว
ประกอบกับปัจจุบันราคาและปริมาณขาย Packaging Paper ในอินโดนีเซีย มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง หลังระดับการบริโภคในประเทศฟื้นตัว ทำให้มีโอกาสสูงที่ผลประกอบการของ Fajar จะสามารถพลิกเป็นกำไรได้ในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 ทำให้ตลาดคลายความกังวลกับการลงทุนในธุรกิจดังกล่าว
จึงปรับประมาณการกำไรปี 2567-2568 ของ SCGP ขึ้น 9% และ 8% เป็น 6,761 ล้านบาท (+31% YoY) และ 7,333 ล้านบาท (+8% YoY) ตามลำดับ เพื่อสะท้อนปริมาณขายรวมและอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มฟื้นตัวดีจากตัวเลขทางเศรษฐกิจของจีน หนุนความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคเอเชียด้วย
พร้อมกันนี้จึงปรับสมมติฐานปริมาณขาย Packaging Paper ในปี 2567-2568 ขึ้นเป็น 3.8 ล้านตัน (เดิม 3.5 ล้านตัน) และ 3.9 ล้านตัน (เดิม 3.6 ล้านตัน) ตามลำดับ รวมถึงปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 18.7% จากเดิม 18.6% เพื่อสะท้อนการเกิด Economies of Scale
นอกจากนี้ เชื่อว่า SCGP จะสามารถทำกำไรปกติเติบโต YoY ได้ทุกไตรมาสในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากปริมาณขายและอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจ Packaging Paper ที่ฟื้นตัวโดดเด่น ซึ่งแน่นอนว่าส่วนหนึ่งก็เกิดจากฐานที่ต่ำในปีก่อนด้วย
ทั้งนี้ ประเมินรายได้และกำไรสุทธิของ SCGP ในอนาคต ดังนี้
ปี 2565 รายได้ 146,068 ล้านบาท กำไร 5,801 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 129,398 ล้านบาท กำไร 5,248 ล้านบาท
ปี 2568 (ประมาณการ) รายได้ 144,396 ล้านบาท กำไร 6,761 ล้านบาท
ปี 2569 (ประมาณการ) รายได้ 149,45 ล้านบาท กำไร 7,333 ล้านบาท
สรุปคำแนะนำการลงทุน SCGP ของ บล. หยวนต้า แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายที่ 41 บาทต่อหุ้น เป็นผลจากการปรับประมาณการขึ้น และการปรับ EV/EBITDA ที่ใช้ประเมินมูลค่าขึ้นเป็น 11.1 เท่า (ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมของหุ้นในภูมิภาค) แต่ราคาปัจจุบันของ SCGP ซื้อขายบน EV/EBITDA ต่ำกว่าเพียง 9.8 เท่า ถือว่ามี Valuation ที่น่าสนใจทีเดียว
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กลยุทธ์การลงทุน ‘SCGP’ โมเมนตัมเป็นบวก
- เคลียร์ข้อสงสัย! ห้ามคนไทยซื้อหุ้นผ่าน ‘NVDR’ เพราะอะไร?
- 10 เรื่อง ‘โอ้กะจู๋’ จากสวนผักเชียงใหม่ สู่ร้านอาหารสุขภาพที่เติบโต เตรียมเข้า IPO
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg