“สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน” คาดหุ้นไทยสิ้นปีแตะ 1,535 จุด พร้อมหั่น EPS ลงเหลือ 92.92 บาท ส่วน EPS Growth เฉลี่ยอยู่ที่ 14.31% เช็ก 4 หุ้นเด่นที่นักวิเคราะห์โหวตตรงกันที่นี่!
นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน เปิดเผยผลการสำรวจความเห็นสมาชิกนักวิเคราะห์และผู้จัดการกองทุนรวม 24 สำนัก เกี่ยวกับมุมมองการลงทุนในไตรมาส 2/67-4/67 มองว่าคาดการณ์กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) ปี 67 ของตลาดเฉลี่ยที่ 92.92 บาท ลดลงจากผลสำรวจครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 95.62 บาท และคาดว่า EPS Growth ของปี 67 เฉลี่ยอยู่ที่ 14.31%
ทางด้านคาดการณ์ทิศทางหุ้นไทยในระยะสั้นช่วงไตรมาส 2/67 นี้ ส่วนใหญ่คาดว่ามีแนวโน้มไปในทิศทางบวก โดยจะปิดสิ้นไตรมาสที่ 1,447 จุด และเมื่อมองตลอดปีจะแกว่งตัวในกรอบ 1,329-1,548 จุด โดยไปปิดสิ้นปีที่ 1,535 จุด
IAA Survey มองทิศทาง SET แนวโน้มยังเป็นบวกสิ้นปีแตะ 1,535 จุด แต่หั่น EPS ลงเหลือ 92.92 บาท
สมมติฐานหลัก
- ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยของปีนี้ 82.36 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
- คาดการณ์ การขยายตัวของ GDP ไทยปี 2567 จากเดิมที่ 3.33% (ม.ค.67) ลดลงมาเหลือ 2.80%
- Risk Free Rate ที่ใช้ในการประเมินมูลค่า มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 2.71%
- Risk Premium ของตลาดหุ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 8.13%
สำหรับปัจจัยที่มีผลต่อทิศทางการลงทุนจนถึงสิ้นปี 67 แบ่งเป็น
ปัจจัยบวก ที่มีผู้โหวตมาเกินกว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม นำโดย ทิศทางอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ทิศทางอัตรา ดอกเบี้ยสหรัฐอเมริกา และเศรษฐกิจภายในประเทศ มีผู้ตอบแบบสำรวจ 83.33% ปัจจัยรองลงมา 70.83% โหวตให้ผลประกอบการของ บจ.ปี67 ตามมาด้วย Fund Flows จากต่างประเทศสู่ตลาดหุ้นไทย และปัจจัยด้านเศรษฐกิจต่างประเทศทั้ง อเมริกา ยุโรป เอเชีย มีผู้ตอบ 66.67% ตามลำดับ
ปัจจัยด้านลบ มีปัจจัยเดียวที่โหวตเกิน 50% คือ ปัจจัยด้านการเมืองในต่างประเทศ มีผู้ตอบ 62.50%
ด้านคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธปท. ณ สิ้นปี 67 มีนักวิเคราะห์ถึง 45.83% เท่ากัน ที่คาดว่าจะปรับลด 0.50% และ 0.25% โดยมีผู้ตอบ 8.33% ที่มองว่าคงที่
นักวิเคราะห์แนะนำให้มีการกระจายพอร์ตการลงทุน แบ่งเป็น
- เงินสดและเงินฝากระยะสั้น 8.33%
- กองทุนตราสารหนี้ 23.54%
- หุ้นหรือกองทุนหุ้นต่างประเทศ 28%
- หุ้นไทยหรือกองทุนหุ้นไทย 23.46%
- กองทุนอสังหาฯหรือ REIT 7.81%
- ทองคำหรือกองทุนทองคำ 7.81%
- สินทรัพย์อื่นๆ เช่น Bitcoin ,น้ำมัน 1.04%
ความเห็นต่อการลงทุนต่างประเทศนั้น แนะนำให้ลงทุนกองทุนหุ้นสหรัฐฯโดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี และ Selective Asia เช่น จีน อินเดีย เกาหลี เวียดนาม
ส่วนในการลงทุนหุ้นไทยนั้น แนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหมวดธุรกิจ อาหารและเครื่องดื่ม สินค้าอุปโภคบริโภค เงินทุน/หลักทรัพย์ รับเหมาก่อสร้าง และการท่องเที่ยว ในขณะที่ให้ลดน้ำหนักการลงทุนใน หมวดธนาคาร และธุรกิจประกัน
รายชื่อหุ้นที่นักวิเคราะห์แนะนำตรงกันตั้งแต่ 4 สำนักขึ้นไป มีดังนี้ (เรียงชื่อตามอักษรย่อ)
- AOT ได้อานิสงส์จากท่องเที่ยวฟื้นตัว โดย ธปท. คาดปีนี้มีนักท่องเที่ยว 34.5 ล้านคน +22.6% อีกทั้งยังมีมาตรการรัฐ ฟรีวีซ่า ซึ่ง AOT คาดผู้โดยสารในปีนี้ +20% เป็น 120 ล้านคนและไม่มีมาตรการให้ส่วนลดผู้ประกอบการ คาดรายได้ปีนี้ +39.6%
- CK ได้ประโยชน์จากการเร่งรัดงบเบิกจ่ายงบประมาณของรัฐปี67 หนุนให้การประมูลโครงการรัฐหลังจากนี้มีมากขึ้น โดยงานปีนี้ที่รอประมูลได้แก่ รถไฟทางคู่ขอนแก่น-หนองคาย ทางด่วนจตุโชติ และ ทางด่วนกะทู้-ป่าตอง เป็นต้น นอกจากนี้ในด้านต้นทุนพบว่าดัชนีวัสดุก่อสร้างลดลงต่อเนื่อง
- CPALL ได้ประโยชน์หลักจากการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวต่างชาติและการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ
- MINT ได้ประโยชน์จากธุรกิจโรงแรมในไทยและในยุโรปเติบโตดี ดอกเบี้ยจ่ายลดลง ธุรกิจอาหารฟื้นตัว
หุ้นที่ควรหลีกเลี่ยง ได้แก่ หุ้นที่เกินมูลค่าปัจจัยพื้นฐานไปมาก และหุ้นรายตัวที่มีภาระกู้ยืมสูง/เพิ่มทุน
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หุ้นไทยวันนี้ปิดบวก 1.54 จุด ต่างชาติซื้อ 899 ล้าน คาดพรุ่งนี้ยังแกว่งกรอบแคบ
- หุ้นไทยวันนี้ดิ่งแรง! ปิดร่วง 10.49 จุด ต่างชาติขาย 1.8 พันล้าน ลุ้นพรุ่งนี้ดัชนีปรับขึ้น
- เปิด 10 หุ้นดี-แย่สุด ไตรมาส 1/2567 มีอะไรบ้าง
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- Twitter: https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg