Stock

‘TIDLOR’ แกร่งสุดในกลุ่มสินเชื่อ ปีหน้ากำไรโตเร็วสุด

เงินติดล้อ หรือหุ้น TIDLOR สินเชื่อเช่าซื้อหรือที่เรียกกันว่า “ลีสซิ่ง” เป็นหนึ่งในธุรกิจที่วิ่งขึ้นลงเป็น Cycle ตามเศรษฐกิจและนโยบายการเงิน เนื่องจากรายได้หลักส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยรับจากการปริมาณการปล่อยสินเชื่อให้แก่ลูกค้ารายย่อย

ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา TIDLOR หรือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) เป็นหุ้นสินเชื่อที่ร้อนแรงมากทีเดียว โดยความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสร้างผลตอบแทน +7.58% (ราคาปิดวันที่ 3 พฤศจิกายน – วันที่ 4 ธันวาคม 2566) ซึ่งได้รับโมเมนตัมบวกมาจาก Bond yield 5 ปี และ 10 ปีของไทยปรับตัวลง เป็น 2.64% และ 3.03% ตามลำดับ ขณะที่คาดว่าเทรนด์ยังคงเป็นการปรับตัวลงต่อตามทิศทาง Bond yield โลก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการเงินให้แก่ธุรกิจสินเชื่อเงินทุน เพราะรายได้จากดอกเบี้ยรับจากการปล่อยสินเชื่อจะเป็นลักษณะการคิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ (Fixed Rate)

ขณะที่ต้นทุนการกู้ยืมส่วนใหญ่มาจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว (Float Rate) ดังนั้น หากอัตราดอกเบี้ยในท้องตลาดมีแนวโน้มลดลง จะส่งผลให้ส่วนต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยรับและอัตราดอกเบี้ยจ่าย (Interest spread) สูงขึ้น

เงินติดล้อ

อีกปัจจัยที่ขับเคลื่อนหุ้น TIDLOR ดูดีขึ้นมาก นั่นมาจากการายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2566 ที่ มีกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากไตรมาสที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้น 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ที่แข็งแกร่งเกินคาด รายได้ดอกเบี้ย (NII) และรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (non-NII) จากธุรกิจนายหน้าประกันภัยช่วยหนุนกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักสำรองฯ (PPOP)

เงินติดล้อปี 2567 แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน

คาดกำไร TIDLOR ปี 2567 แข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน
บทวิเคราะห์ บล. อินโนเวสท์ เอกซ์ ออกมาระบุถึงความน่าสนใจของหุ้น TIDLOR คาดว่ากำไรปี 2567 จะเติบโตแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน พร้อมปรับประมาณการกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยอีก 2% เป็น 4,829 ล้านบาท จากการปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อและ NIM ที่เพิ่มขึ้น

เงินติดล้อ

ทำให้คาดว่ากำไรจะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2566 สู่ 21% ซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มเงินทุน โดยได้รับการสนับสนุนจาก credit cost ที่ลดลง สินเชื่อที่เติบโตดี และรายได้ค่าธรรมเนียมที่เติบโตแข็งแกร่ง นอกจากนี้ ได้ปรับประมาณการการเติบโตของสินเชื่อเพิ่มขึ้นเพื่อสะท้อนการเปิดตัวบริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน ซึ่ง TIDLOR เปิดตัวบริการสินเชื่อโฉนดที่ดิน (อัตราดอกเบี้ย 15% ด้วย LTV ไม่เกิน 50%) ในเดือนพฤศจิกายน 2566 และยังคงระงับการปล่อยสินเชื่อรถบรรทุกเพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์

ดังนั้น จึงปรับราคาเป้าหมายของ TIDLOR เพิ่มขึ้นจาก 25 บาทต่อหุ้น สู่ 26 บาทต่อหุ้น (PBV 2.15 เท่า หรือ PE 15 เท่า สำหรับปี 2567) และเลือกให้ TIDLOR เป็นบริษัทเงินทุนเพียงบริษัทเดียวที่ได้เรทติ้ง OUTPERFORM

เงินติดล้อ

กำไรโตเร็วสุดในกลุ่มสินเชื่อรายย่อย
อีกทั้งคำแนะนำของ บล. บัวหลวง ก็มองว่า TIDLOR จะรายงานการเติบโตของกำไรสุทธิในปี 2567 ที่เร็วที่สุดในกลุ่มบริการสินเชื่อรายย่อย และยังมีอัตราส่วนการตั้งสำรองต่อหนี้เสียที่มากที่สุดอยู่ที่ 264.4% ซึ่งช่วยเพิ่มความมั่นคงในแง่ธุรกิจ จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าหมายพื้นฐาน 26 บาทต่อหุ้น อิง PER ปี 2567 อยู่ที่ 13.6 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 2.5 ปี อยู่ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน

ทั้งนี้ TIDLOR ถือเป็นผู้นำในตลาดไมโครไฟแนนซ์ที่มีขนาดใหญ่และยังมีการเข้าถึงจำกด (untapped market) และตลาดนายหน้าประกันภัยที่มีการกระจายตัวสูง TIDLOR เป็นผู้บุกเบิกการให้บริการทางการเงินที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 1 ในตลาดสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน และมีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 2 ในตลาดไมโครไฟแนนซ์ มีส่วนแบ่งตลาดอันดับ 3 ในธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัยที่จัดจำหน่ายแก่รายย่อย

อ่านข่าวเพิ่มเติม 

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน