บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU และ บริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP เป็นสองหุ้นพลังงาน ที่มีธุรกิจแข็งแกร่งเป็นอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย
ด้วยบริษัทแม่อย่าง BANPU ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ โรงไฟฟ้า และเทคโนโลยีพลังงาน
ส่วน BPP ก็เป็นบริษัทลูกที่แตกกิจการออกมา เป็นแกนนำในกลุ่มผลิต และจำหน่ายไฟฟ้า โดยมีทั้งการลงทุนในโรงไฟฟ้าที่ผลิตไฟฟ้า จากพลังงานที่ใช้แล้วหมดไป (Conventional power generation) และขยายการลงทุนไปยังโรงไฟฟ้า ที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน (Renewable power generation) ในหลายประเทศ
อย่างไรก็ตาม ช่วงปี 2566 ที่ผ่านมา ความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นพลังงาน โดยเฉพาะธุรกิจโรงไฟฟ้า ถือว่าอยู่ในแนวโน้ม Sideway Down เนื่องด้วยปัจจัยเชิงลบหลายประการ อาทิ ต้นทุนเชื้อเพลิง อัตราดอกเบี้ยที่่อยู่ในเทรนด์ขาขึ้น รวมไปถึง นโยบายกำกับดูแลค่าไฟฟ้าของภาครัฐ
คำถามคือ ในตอนนี้ ที่ดูเหมือนว่าฟ้าหลังฝนกำลังจะผ่านพ้นไปแล้ว แนวโน้มการลงทุนในหุ้น BANPU กับ BPP จะเป็นอย่างไร น่าสนใจหรือยัง และถ้ามองไปในระยะยาว เหมาะลงทุนแบบไหน บทความนี้จะพาไปหาคำตอบกัน
รีวิวผลงานไตรมาส 3/66 หุ้น BANPU-BPP
ภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 3/66 ของ BANPU มีรายได้จากการขายรวม 51,638 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้ที่ลดลงส่วนใหญ่ มาจากธุรกิจถ่านหิน เนื่องจากราคาขายเฉลี่ย และปริมาณการขายของถ่านหินที่ลดลง ซึ่งเป็นธุรกิจที่ BANPU กำลังเผชิญความท้าทาย จึงต้องเน้นประสิทธิภาพในกระบวนการผลิต และควบคุมต้นทุนอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,083 ล้านบาท ลดลง 88% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ส่วน BPP ในช่วงไตรมาส 3/66 มีรายได้รวมจำนวน 16,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289% เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน เพราะเริ่มรับรู้รายได้ของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Temple II เป็นไตรมาสแรก และราคาขายไฟฟ้าเฉลี่ยเพิ่มขึ้น
แต่กำไรสุทธิอยู่ที่ 2,098 ล้านบาท ลดลง 9% จากช่วงปีก่อน สาเหตุหลักมาจากขาดทุนสุทธิที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของอนุพันธ์ทางการเงิน จำนวน 1,785 ล้านบาท แต่หากมองกันที่ EBITDA หรือกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย อยู่ที่ 7,460 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 289% จากช่วงปีก่อน
แนวโน้มการลงทุนหุ้น BANPU-BPP
เราได้สรุปมุมมองการลงทุนของหุ้น BANPU กับ BPP จากบทวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย มาฝากดังนี้ เริ่มกันที่ BANPU ที่มองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 4/66 แม้จะยังคงทรงตัวจากไตรมาส 3/66 แต่จะไม่มี downside ต่อประมาณการกำไร และเงินปันผลปี 2566 ในขณะที่หุ้นซื้อขายด้วย PBV เพียง 0.56 เท่า
จึงแนะนำว่าเป็นโอกาส “ซื้อ” BANPU ด้วยราคาเป้าหมาย 8.30 บาทต่อหุ้น จากผลตอบแทนผู้ถือหุ้นรวมทั้งหมด (TSR) ที่ 14% นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มตัวคูณมูลค่าหุ้นในระยะยาวจากธุรกิจใหม่ๆ ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
สำหรับ BPP มองว่าจากผลการดำเนินงานปกติในไตรมาส 3/66 ที่แข็งแกร่งของโรงไฟฟ้าในสหรัฐ และคาดว่าการขยายกำลังการผลิตจะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตในระยะยาว โดยได้แรงหนุนจาก D/E สุทธิที่ต่ำเพียง 0.45 เท่า ซึ่งต่ำกว่าระดับนโยบายภายในของบริษัทที่ 1.4 เท่าอยู่มาก บ่งชี้ว่า ยังมีช่องว่างสำหรับก่อหนี้เพื่อการลงทุนอีกกว่า 5.5 หมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้น จึงปรับราคาเป้าหมาย BPP เป็น 17.90 บาทต่อหุ้น พร้อมแนะนำ “ซื้อ”
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- 10 หุ้นสื่อ มูลค่าสูงสุดในตลาดหุ้นไทย มีอะไรบ้าง
- 9 เดือนแรกปีนี้ หุ้นอะไรบ้างให้ผลตอบแทนสูงสุด
- ส่องกลยุทธ์ลงทุน 5 หุ้นเด่น IAA Consensus ปัจจัยพื้นฐานดี ระยะยาว
