Stock

เงินบาทอ่อนค่า จะลงทุนหุ้นไทยยังไงดี ส่องกลยุทธ์ที่นี่!

เงินบาทแข็งค่า-อ่อนค่า กลยุทธ์การลงทุนย่อมแตกต่างกัน เมื่อวันนี้เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 10 เดือนจะลงทุนหุ้นไทยยังไงดี ส่องกลยุทธ์ที่นี่!

“ค่าเงินบาท” ถือเป็นปัจจัยหนึ่งที่นักลงทุนควรนำมาประเมินก่อนตัดสินใจลงทุน เพราะถ้าเงินบาทแข็งค่าหรืออ่อนค่าจะส่งผลให้กลยุทธ์การลงทุนแตกต่างกัน เนื่องจากค่าเงินบาทอาจมีผลกระทบต่อยอดขาย ต้นทุน และกำไรสุทธิของหุ้นตัวนั้น ดังนั้น ถ้าเลือกหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์และสอดคล้องกับค่าเงินบาทในช่วงนั้น ย่อมสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อพอร์ตลงทุนโดยรวม

เงินบาทอ่อนค่า

ค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าอีกครั้งโดยทะลุ 36 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ นับเป็นการอ่อนค่าสุดในรอบ 10 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนปี 2565 โดยปัจจัยหลักที่กดดันเงินบาทมาจากเงินทุนไหลออกจากตลาดหุ้น พันธบัตรไทย ความเสี่ยงจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่อาจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาด แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อ โดยเฉพาะราคาน้ำมันที่ยังคงอยู่ในระดับสูง รวมถึงคำเตือนของฟิตซ์ เรตติ้ง สถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ ที่อาจลดอันดับความน่าเชื่อถือประเทศไทย หากมีการก่อหนี้สูงขึ้น ถือเป็นอีกแรงกดดันสำคัญที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับปัจจัยภายในที่ส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่า เช่น การขาดดุลการค้า เพราะมูลค่าส่งออกน้อยกว่านำเข้า หรือมีเงินทุนเคลื่อนย้ายออกจากประเทศมาก ทำให้ประเทศมีสกุลเงินต่างประเทศ โดยเฉพาะสกุลเงินดอลลาร์น้อยลง ดังนั้น เมื่อมีความต้องการแลกเงินบาทเป็นเงินดอลลาร์ เพื่อนำออกนอกประเทศมากขึ้น ทำให้เงินบาทมีค่าลดลง หรืออ่อนค่าลง รวมถึงความไม่แน่นอนทางการเมือง ซึ่งส่งผลให้เงินลงทุนทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตรรัฐบาลไทยไหลออก ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง เป็นต้น

เงินบาทอ่อนค่า

ส่วนปัจจัยภายนอกที่สำคัญที่ทำให้เงินบาทอ่อนค่า คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางต่าง ๆ ทั่วโลกอยู่ในระดับสูง เพราะโดยปกติ เงินลงทุนจะย้ายออกจากประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยต่ำไปยังประเทศที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงกว่า เนื่องจากนักลงทุนมองเห็นว่าผลตอบแทนที่จะได้รับสูงกว่า

เงินบาทอ่อนค่า กระทบกับตลาดหุ้นอย่างไร

หากเม็ดเงินลงทุนในหุ้นของนักลงทุนต่างชาติไหลออก รวมถึงแรงเทขายในตลาดพันธบัตรไทยของนักลงทุนต่างชาติจะส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าลง เพราะการถือเงินบาทเอาไว้ทำให้นักลงทุนต่างชาติขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน จึงขายหุ้นและตราสารหนี้เพื่อถือเงินสกุลต่างประเทศ (โดยเฉพาะเงินดอลลาร์) เงินบาทจึงอ่อนค่าลง

อย่างไรก็ตาม มีหุ้นบางกลุ่มที่ได้รับประโยชน์ในช่วงเงินบาทอ่อนค่า คือ กลุ่มส่งออก เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้า ถุงมือยาง การแพทย์ ยานยนต์และชิ้นส่วน เพราะจะได้ประโยชน์จากการแปลงรายได้จากสกุลเงินดอลลาร์เป็นสกุลเงินบาท สังเกตได้จากธุรกิจเหล่านี้จะมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Margin) เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน

สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเงินบาทอ่อนค่า เช่น ธุรกิจที่ต้องนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพื่อนำมาผลิตสินค้าและขายภายในประเทศ แต่ต้องซื้อวัตถุดิบในรูปของสกุลเงินดอลลาร์ แต่รายได้เป็นสกุลเงินบาท ต้นทุนการผลิตสินค้าจึงเพิ่มสูงขึ้น หรือธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องสั่งซื้อเครื่องจักรจากต่างประเทศก็ต้องจ่ายในราคาที่แพงขึ้นด้วยเช่นกัน

เงินบาทอ่อนค่า

แต่มีบางกลุ่มธุรกิจที่ในช่วงเงินบาทอ่อนค่า ดูเหมือนจะได้รับผลกระทบแต่กลับไม่กระทบ ได้แก่ กลุ่มพลังงาน เพราะมีรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นผลดี แต่ธุรกิจนี้ก็มีหนี้สินเป็นสกุลเงินดอลลาร์ด้วยเช่นกัน จึงขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนในช่วงเงินบาทอ่อนค่า รวมถึงกลุ่มสายการบินที่มีโครงสร้างต้นทุนเป็นเงินสกุลดอลลาร์หรือกลุ่มโรงไฟฟ้า เนื่องจากมีเงินกู้สกุลดอลลาร์ ส่งผลให้มีการบันทึกกำไรขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน

เมื่อเป็นเช่นนี้ทำให้มีการชดเชยกัน หรือเรียกว่า Natural Hedge คือ การที่ธุรกิจบริหารรายได้ และรายจ่ายที่เป็นเงินตราต่างประเทศให้อยู่ในสกุลเดียวกัน ซึ่งจะช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนได้ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของอัตราแลกเปลี่ยนจะส่งผลต่อทั้งรายได้และรายจ่ายในทิศทางเดียวกัน จึงสามารถชดเชยกันได้ เช่น หากเงินบาทอ่อนค่า จะทำให้ต้นทุนในรูปเงินบาทเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันรายได้ในรูปเงินบาทก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เป็นต้น

เงินบาทอ่อนค่า

วางกลยุทธ์ลงทุนอย่างไรดี

ก่อนตัดสินใจลงทุนในช่วงเงินบาทอ่อนค่า นักลงทุนต้องนำปัจจัยเรื่องค่าเงินมาประกอบการพิจารณาด้วยว่าหุ้นกลุ่มใดจะได้รับประโยชน์ หุ้นกลุ่มใดจะเสียประโยชน์ หรือไม่ได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทเลย เพราะปัจจัยค่าเงินมีผลกระทบต่อราคาหุ้น เช่น กระทบต่อผลประกอบการของหุ้นกลุ่มส่งออก ถ้าเงินบาทอ่อนค่าจะทำให้ Gross Margin ปรับขึ้นอย่างน่าประทับใจ ทำให้หุ้นกลุ่มนี้ถูกจับตามองจากนักลงทุนเพิ่มสูงขึ้น

ดังนั้น นักลงทุนต้องเลือกหุ้นเข้าพอร์ตลงทุนให้สอดคล้องกับแนวโน้มของค่าเงินบาท โดยหากประเมินว่าเงินบาทยังคงอ่อนค่าต่อไป ต้องเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มส่งออก แต่หากประเมินว่าเงินบาทเริ่มแข็งค่าขึ้น เงินลงทุนจากต่างชาติเริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุน นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเพิ่มสูงขึ้น ก็ต้องลดพอร์ตลงทุนในหุ้นกลุ่มส่งออก ด้วยการเพิ่มน้ำหนักหุ้นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากเงินบาทแข็งค่า

โดยสรุป ในช่วงที่ความเสี่ยงของตลาดเพิ่มสูงขึ้น (Market Risk) ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านค่าเงิน อัตราดอกเบี้ย หรือความผันผวนของราคาหุ้น นักลงทุนควรใช้กลยุทธ์ “Play Safe, Stay Defensive” นั่นคือ เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุน

โดย : อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย)

ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK