ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (5 ก.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงเกิน 100 จุด หลัง “ธนาคารกลางสหรัฐ” เผยรายงานการประชุม ที่ส่งสัญญาณถึงการขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้ ขณะนักลงทุนจับตาข้อมูลแรงงานของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 34,288.64 จุด ลดลง 129.83 จุด หรือ -0.38% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,446.82 จุด ลดลง 8.77 จุด หรือ -0.20% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 13,791.65 จุด ลดลง 25.12 จุด หรือ -0.18%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 13-14 มิถุนายน โดยระบุว่า กรรมการเฟดมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.00-5.25% เพื่อที่เฟดจะมีเวลาในการประเมินผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยติดต่อกันหลายครั้งในช่วงที่ผ่านมา ขณะเดียวกันกรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า อาจจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกในปีนี้
หลังเฟดเปิดเผยรายงานการประชุมดังกล่าว ข้อมูลจาก FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 88.7% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนกรกฎาคม
นอกจากนี้ รายงานการประชุมเฟดยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 3.941% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีพุ่งขึ้นแตะระดับ 4.945% ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อตลาด
ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข้อมูลที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐและจีน โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐขยับขึ้นเพียง 0.3% ในเดือนพฤษภาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.6%
ขณะที่ผลสำรวจของไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอลระบุว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 53.9 ในเดือนมิถุนายน จากระดับ 57.1 ในเดือนพฤษภาคม โดยดัชนี PMI เดือนมิถุนายนถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน
หุ้นบริษัทผลิตชิปร่วงลง หลังจากรัฐบาลจีนออกมาตรการควบคุมการส่งออกโลหะกัลเลียม (Gallium) และเจอร์มาเนียม (Germanium) ซึ่งเป็นโลหะที่สำคัญต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคมนี้ และเกิดขึ้นในขณะที่สงครามการค้าด้านเทคโนโลยีระหว่างจีนและสหรัฐกำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด
หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดในแดนลบ นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มวัสดุและกลุ่มอุตสาหกรรม ร่วงลง 2.47% และ 0.60% ตามลำดับ ขณะที่ดัชนีหุ้นกลุ่มบริการด้านการสื่อสารและกลุ่มสาธารณูปโภค ปรับตัวขึ้น 1.21% และ 1.10% ตามลำดับ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘เฟด’ ส่งสัญญาณ ‘ขึ้นดอกเบี้ย’ อีก 2 ครั้ง หลังคงดอกเบี้ยตามคาด
- เช็กฟอร์ม 10 หุ้น ราคาวิ่งแรงสุด ตั้งแต่ต้นปี 66
- ‘เอชเอสบีซี’ ฟันธง ‘เศรษฐกิจสหรัฐ’ ถดถอยปีนี้ ‘ยุโรป’ ปีหน้า