แม้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงต้นปี 2566 จะมีปัจจัยบวกอย่างการเปิดประเทศของจีน ทำให้ยอดขายมีแนวโน้มเติบโต เนื่องจากคนจีนเป็นกลุ่มลูกค้าต่างชาติหลักที่เข้ามาซื้ออสังหาฯ ไทยมากที่สุด ขณะเดียวกันในช่วงปีที่ผ่านมา หลายบริษัทก็แข่งกันเปิดโครงการใหม่ต่อเนื่องแบบ All Time High
ทว่าตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 1/66 ที่ประกาศออกมานั้น กลับไม่ไดัเติบโตอย่างที่ตลาดคาดหวัง เพราะในด้านของปัจจัยลบที่รุมเร้า และสร้างความท้าทายหลายด้าน เช่น “ดอกเบี้ยขาขึ้น” ทำให้ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยมีภาระค่าใช้จ่ายมากขึ้น และมีความสามารถในการผ่อนชำระลดลง “ราคาประเมินที่ดินรอบใหม่” เฉลี่ยเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ 8% และในกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้น 3% จากรอบก่อนหน้า
อีกทั้งยังมี “มาตรการที่เอื้อต่อผู้ซื้อบ้าน-คอนโดมิเนียม” ที่หมดอายุไปในปี 2565 ทั้งการผ่อนคลายมาตรการควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ( LTV) ทำให้ผู้ซื้อบ้าน และคอนโดสัญญาที่ 2 ขึ้นไป หรือบ้าน-คอนโดสัญญาแรก ราคาเกิน 10 ล้านบาท ต้องวางเงินดาวน์ 10-30%
บทความนี้เลยจะพามาสำรวจกันว่า 10 หุ้นผู้พัฒนาอสังหาฯ เพื่อที่อยู่อาศัย ที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด ผลประกอบการในไตรมาส 1/66 เป็นอย่างไรบ้าง ยังคงรักษาการเติบโตได้อยู่ หรือชะลอตัวลงไปแค่ไหน
LH หรือ บริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 102,767.53 ล้านบาท
- รายได้ 6,977 ล้านบาท (-12%) กำไร 1,354 ล้านบาท (-30%)
SPALI หรือ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 39,842.30 ล้านบาท
- รายได้ 5,902 ล้านบาท (+7%) กำไร 1,080 ล้านบาท (-8%)
FPT หรือ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 34,789.16 ล้านบาท
- รายได้ 3,424 ล้านบาท (+0.3%) กำไร 318 ล้านบาท (+2%)
AP หรือ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 33,346.53 ล้านบาท
- รายได้ 11,805 ล้านบาท (-10%) กำไร 1,478 ล้านบาท (-15%)
SIRI หรือ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 27,603.47 ล้านบาท
- รายได้ 8,505 ล้านบาท (+63%) กำไร 1,582 ล้านบาท (+423%)
PSH หรือ บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 27,356.31 ล้านบาท
- รายได้ 6,598 ล้านบาท (+10%) กำไร 652 ล้านบาท (+18%)
ORI หรือ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 25,522.87 ล้านบาท
- รายได้ 3,662 ล้านบาท (-3%) กำไร 798 ล้านบาท (+8%)
QH หรือ บริษัท ควอลิตี้เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 24,428.79 ล้านบาท
- รายได้ 1,966 ล้านบาท (-8%) กำไร 592 ล้านบาท (+1%)
SC หรือ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 17,574.92 ล้านบาท
- รายได้ 4,930 ล้านบาท (+29%) กำไร 535 ล้านบาท (+38%)
S หรือ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน)
- มูลค่าตลาด 10,349.12 ล้านบาท
- รายได้ 3,335 ล้านบาท (+11%) กำไร 71 ล้านบาท (+157%)
หมายเหตุ: มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด ณ วันที่ 22 พฤษภาคม 2566 และเปรียบเทียบรายได้-กำไรกับงวดเดียวกันของปีก่อน (YoY)
ถือว่าเป็นตลาดที่มีปัจจัยเฉพาะตัวของแต่ละบริษัทอยู่พอสมควร ซึ่งก็ต้องดูกันต่อไปว่า กลยุทธ์ที่แต่ละบริษัทวางไว้ จะสามารถปรับใช้กับสถานการณ์ในตอนนี้ได้หรือไม่ โดยคาดว่า ครึ่งปีหลังน่าจะเห็นทิศทางที่ชัดเจนมากขึ้น จากแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อผู้บริโภค รวมถึงนักลงทุนไทย และต่างชาติ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- หุ้นไก่ ‘CPF-BTG-GFPT-TFG’ รับอานิสงส์ ไข้หวัดนกระบาดบราซิล
- เปิดโผ ‘8 หุ้นไทย’ กำไร Q1/66 โตเกิน 100%
- ’10 หุ้นไทย’ ที่ ‘เซียนหุ้น’ นิยมถือมากที่สุด