Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดพุ่งกว่า 300 จุด ขานรับข่าว ‘เจรจาเพดานหนี้’ คืบหน้า

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (26 พ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” พุ่งทะลุ 300 จุด หลังการเจรจาเพิ่มเพดานหนี้มีความคืบหน้า ขณะที่หุ้นกลุ่มชิปพุ่งขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน ท่ามกลางความเชื่อมั่นเกี่ยวกับแนวโน้มของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,093.34 จุด เพิ่มขึ้น 328.69 จุด หรือ +1.00% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 4,205.45 จุด เพิ่มขึ้น 54.17 จุด หรือ +1.30% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 12,975.69 จุด เพิ่มขึ้น 277.59 จุด หรือ +2.19%

ดาวโจนส์

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับตัวขึ้น นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ซึ่งพุ่งขึ้น 2.68% ตามมาด้วยหุ้นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยซึ่งพุ่งขึ้น 2.38% ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์ที่ตลาดฟิลาเดลเฟีย พุ่งขึ้น 6.3% และปรับตัวขึ้น 2 วันรวมกว่า 13% โดยหุ้นมาร์เวล เทคโนโลยี อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิป พุ่งขึ้น 32% หลังเปิดเผยว่าจะเพิ่มรายได้ต่อปีเป็นสองเท่าจากการผลิตชิปเพื่อใช้ในเทคโนโลยี AI

บรรดานักลงทุนยังคงจับตาอย่างใกล้ชิดกับการเจรจาเรื่องเพดานหนี้ระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ในช่วงวันหยุดยาวสุดสัปดาห์นี้ โดยตลาดหุ้นสหรัฐจะปิดทำการในวันจันทร์ (29 พ.ค.) เนื่องในวันรำลึกถึงผู้พลีชีพเพื่อชาติ (Memorial Day)

เจ้าหน้าที่สหรัฐรายหนึ่งเปิดเผยว่า หลังการเจรจาหลายรอบ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และนายเควิน แมคคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ดูเหมือนใกล้ที่จะบรรลุข้อตกลงเพื่อเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลจากระดับ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์เป็นเวลา 2 ปี ขณะที่จะจำกัดการใช้จ่ายในด้านต่าง ๆ ส่วนใหญ่

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจที่เปิดเผยในวันศุกร์บ่งชี้ว่า การใช้จ่ายของผู้บริโภคสหรัฐเพิ่มขึ้นมากเกินคาดในเดือนเมษายน และอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกในเดือนมิถุนายน

ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 57.4% ที่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% มาอยู่ที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 มิถุนายน และให้น้ำหนัก 42.6% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.00-5.25%

SVB

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ ระบุว่า เมื่อเทียบรายปี ดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.4% ในเดือนเมษายน จากระดับ 4.2% ในเดือนมีนาคม และเมื่อเทียบรายเดือนปรับขึ้น 0.4% จากระดับ 0.1% ในเดือนมีนาคม

ส่วนดัชนี PCE พื้นฐาน ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน และเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่เฟดให้ความสำคัญ ปรับตัวขึ้น 4.7% ในเดือนเมษายน เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.6% จากระดับ 4.6% ในเดือนมีนาคม และเมื่อเทียบรายเดือน ปรับขึ้น 0.4% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.3% จากระดับ 0.3% ในเดือนมีนาคม

ดัชนี PCE ถือเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงในพฤติกรรมของผู้บริโภค และครอบคลุมราคาสินค้าและบริการในวงกว้างมากกว่าดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI)

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo