Stock

‘GC’ มองดีมานด์ปิโตรเคมีปี 2566 : ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน

GC มองดีมานด์ปิโตรเคมีปี 2566 โตดีขึ้น ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุ GC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว  คาดว่าปี 2566 จะพลิกกลับมามีกำไร

บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC เผยภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2565 มีรายได้จากการขาย 678,267 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากปี 2564 หนุนจากเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวหลังการเปิดประเทศทั่วโลก ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ที่ส่งผลต่อราคาพลังงานให้สูงขึ้นเป็นอย่างมาก ทำให้ราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมปรับตัวขึ้นตาม เช่นเดียวกับราคาขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี นอกจากนี้ บริษัทยังรับรู้ผลประกอบการของ allnex เข้ามาเต็มปี

ทำให้ GC มีกำไรจากการดำเนินงานปกติ 18,984 ล้านบาท ทว่าด้วยความผันผวนอย่างรุนแรงของทั้งราคาน้ำมันดิบ ผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม และผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี เป็นสาเหตุให้มีการบันทึกผลขาดทุนจากตราสารอนุพันธ์เพื่อประกันความเสี่ยงในปีนี้ จำนวน 23,057 ล้านบาท เนื่องจากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้นจริงสูงกว่าราคาที่ทำประกันความเสี่ยงไว้ ดังนั้นทำให้บริษัทพลิกขาดทุนสุทธิ 8,752 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีกำไร 44,982.39 ล้านบาท

ดีมานด์ปิโตรเคมีปี 2566

อย่างไรก็ดี  GC ยังคงมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยการประกาศจ่ายเงินปันผลประจำปี 2565 ที่จำนวนหุ้นละ 1 บาท หรือคิดเป็นเงินประมาณ 4,509 ล้านบาท เมื่อหักกับเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับผลประกอบการ 6 เดือนแรกที่ได้จ่ายให้ผู้ถือหุ้นแล้วเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2565 ในอัตราหุ้นละ 0.75 บาท  คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายอีกหุ้นละ 0.25 บาท คิดเป็นเงินประมาณ 1,127 ล้านบาท โดยกำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 กุมภาพันธ์นี้ และกำหนดวันจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 เมษายน 2566

ขณะเดียวกัน GC วางงบประมาณการลงทุนในช่วง 5 ปี (2566-2570) ที่ประมาณ 26,850 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการสำคัญ ได้แก่

1. โครงการพลาสติกวิศวกรรมชั้นสูง เพื่อดำเนินการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกวิศวกรรมชั้นสูงประเภท High Heat Resistant Polyamide-9T กำลังการผลิต 13,000 ตันต่อปี และ Hydrogenated Styrenic Block Copolymer กำลังการผลิต 16,000 ตันต่อปี คาดเริ่ม COD ได้ในไตรมาส 1/2566

2.  โครงการปรับปรุงโรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 จะทำให้โรงโอเลฟินส์หน่วยที่ 2 ของบริษัทสามารถใช้โพรเพนเป็นวัตถุดิบในการผลิตได้เพิ่มขึ้น สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ในการเพิ่มความยืดหยุ่นในการใช้วัตถุดิบและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว คาดเริ่ม COD ได้ได้ในไตรมาส 2/2566

สำหรับแนวโน้มตลาดและธุรกิจในปี 2566 ยังคงมีความท้าทายจากสถานการณ์รอบด้าน แต่เชื่อว่าความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ทั้งปิโตรเลียมและปิโตรเคมีจะยังคงสามารถเติบโตได้ดี เพราะปัจจัยสนับสนุนจากการเปิดประเทศจีน อย่างไรก็ตาม ต้องติดตามความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมทั้งนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายทางการเงินของแต่ละประเทศ มีผลต่ออัตราการเติบโตของ GDP โลก

34813409 2176787682362074 2498012215542546432 n 1

โดยผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของโรงกลั่น มองว่าสถานการณ์ราคา และส่วนต่างราคาของผลิตภัณฑ์ในปี 2566 มีแนวโน้มอ่อนตัวลงจากปี 2565 คาดว่าส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลกับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 24-27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาน้ำมันเตากำมะถันต่ำกับน้ำมันดิบดูไบจะอยู่ที่ 14-18 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนต่างราคาน้ำมันแก๊ซโซลีนกับน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยจะอยู่ที่ 15-17 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

 

ขณะที่ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงอะโรเมติกส์ คาดว่าส่วนต่างของผลิตภัณฑ์พาราไซลีนกับแนฟทาในปี 2566 จะทรงตัวอยู่ที่ 300-340 ดอลลาร์ต่อตัน ในส่วนของผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีของโรงงานโอเลฟินส์ คาดว่าราคาผลิตภัณฑ์เอทิลีนจะอยู่ที่ 960-990 ดอลลาร์ต่อตัน ราคาผลิตภัณฑ์โพรพิลีนจะอยู่ที่ 960-990 ดอลลาร์ต่อตัน

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่าผลการดำเนินงานของ GC ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดว่าปี 2566 จะพลิกกลับมามีกำไรกว่า 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมใหญ่ทั้งโรงกลั่นและโรงงานโอเลฟินส์ รวมถึงคาดว่าคงไม่เกิน Stock loss ก้อนใหญ่ขึ้นอีกแล้ว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
แชร์วิธีคิด แบ่งปันความรู้ การเงิน การลงทุน