Stock

‘ดาวโจนส์’ ปิดตลาดลบ 10.88 จุด หุ้น ‘แอปเปิ้ล-เทสลา’ ร่วงฉุดตลาด

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ปิดซื้อขายวานนี้ (3 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงเล็กน้อย ส่วน “แนสแด็ก” และ “เอสแอนด์พี 500” ปิดในแดนลบเช่นกัน หลังหุ้น “เทสลา”เ แฃะ “แอปเปิ้ล” ร่วงลงอย่างหนัก ฉุดขาขึ้นของตลาด

นอกจากนี้ นักลงทุนยังกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ย พร้อมกับจับตารายงานการประชุมประจำเดือนธันวาคมของเฟด ที่มีกำหนดเผยแพร่ในวันนี้ (4 ม.ค.) ตามเวลาสหรัฐ

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดที่ 33,136.37 จุด ลดลง 10.88 จุด หรือ -0.03% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,824.14 จุด ลดลง 15.36 จุด หรือ -0.40% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 10,386.98 จุด ลดลง 79.50 จุด หรือ -0.76%

ดาวโจนส์

หุ้นเทสลา ดิ่งลง 12.24% หลังมีรายงานว่า เทสลาส่งมอบรถยนต์จำนวน 405,278 คันในไตรมาส 4/2564 ซึ่งแม้ว่าเพิ่มขึ้นจากระดับ 308,600 คันในช่วงเดียวกันของปี 2564 แต่ก็ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่จำนวน 409,000-433,000 คัน

นอกจากนี้ หุ้นเทสลายังได้รับผลกระทบ จากการที่เกาหลีใต้สั่งปรับบริษัทเป็นจำนวนเงิน 2.2 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากโฆษณาเกินจริงเกี่ยวกับระยะการขับขี่ของรถยนต์จากการชาร์จเพียงครั้งเดียว โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ซื้อทราบว่า รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของบริษัทจะมีระยะการขับขี่สั้นกว่าปกติ ในสภาพอากาศหนาวเย็น โดยมีระยะสั้นลงถึง 50.5% เมื่อเทียบกับที่บริษัทโฆษณา

ส่วนหุ้นแอปเปิ้ล ร่วงลง 3.74% ปิดที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2564 ส่งผลให้มูลค่าตลาดของแอปเปิ้ลดิ่งหลุดจากระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2564

ราคาหุ้นแอปเปิ้ลร่วงลง หลังสำนักข่าวนิกเกอิ เอเชีย รายงานว่า ความต้องการผลิตภัณฑ์ไอโฟนชะลอตัวลง ทั้งราคาหุ้นยังถูกกดดัน จากการที่นักวิเคราะห์ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแอปเปิ้ลเนื่องจากการผลิตที่ลดลงในประเทศจีน อันเนื่องมาจากผลกระทบของโรคโควิด-19 ที่แพร่ระบาดอย่างหนัก

หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมัน WTI ดิ่งลงกว่า 4% เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์ที่ชะลอตัวลงในจีน และแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา

ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่า ภาคการผลิตของสหรัฐหดตัวลงติดต่อกันเดือนที่ 2 โดยเอสแอนด์พี โกลบอลเปิดเผย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตเดือนธันวาคม ของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 46.2 จากระดับ 47.7 ในเดือนพฤศจิกายน

ทั้งนี้ ดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยได้รับผลกระทบจากการร่วงลงของคำสั่งซื้อใหม่ และการจ้างงานชะลอตัวลง

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo