“FTSE SET Index Series” เป็นดัชนีราคาหุ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ FTSE Group โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อยกระดับดัชนีของตลาดทุนไทยให้มีสูตรการคำนวนที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล และสอดคล้องกับความต้องการของผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น
ประโยชน์ของดัชนี FTSE SET คือสามารถใช้เป็นเครื่องมือเปรียบเทียบและวิเคราะห์หลักทรัพย์ในตลาดทุนไทย และนำไปใช้เป็นดัชนีอ้างอิงสำหรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ เช่น ETFs เป็นต้น ตบอดจนเป็นดัชนีอ้างอิง Benchmark ในการวัดการลงทุน รวมทั้งเปิดโอกาสให้บริษัทจดทะเบียนต่างๆ เป็นที่รู้จักของผู้ลงทุนในระดับสากลมากขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องและการระดมทุนที่ง่ายขึ้น
ทั้งนี้ ช่วงเวลาในการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ในดัชนี (Index Review) จะจัดทำขึ้นปีละ 2 ครั้งในเดือนมิถุนายนและเดือนธันวาคม โดยล่าสุดตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ประกาศรายชื่อหุ้นชุดใหม่ มีผลตั้งแต่วันที่ 19 ธันวาคม 2565 เป็นต้นไป สรุปข้อมูลสำคัญได้ดังนี้
ดัชนี FTSE SET Large Cap Index มี 1 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าคำนวณ ได้แก่
1. บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC
ดัชนี FTSE SET Mid Cap Index มี 3 หลักทรัพย์ใหม่ที่เข้าร่วมคำนวณ ได้แก่
1. บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS
2. บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM
3. บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI
อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับงวดเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา JTS เป็นหลักทรัพย์ที่ถูกถอนออกจาก FTSE SET Large Cap Index ขณะที่ BTSGIF และ TFFIF เป็นหลักทรัพย์ที่ถูกถอนออกจาก FTSE SET Mid Cap Index ส่วน AWC ถูกย้ายจาก FTSE SET Mid Cap Index ขึ้นไปอยู่ FTSE SET Large Cap Index
สำหรับ FTSE SET Large Cap ประกอบด้วยหลักทรัพย์ 30 ตัวแรกในกระดานหลัก (SET main board) เรียงตามมูลค่า market cap. ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก (Free Float & Liquidity Screening) ส่วนของ FTES SET Mid Cap ประกอบด้วยหลักทรัพย์ที่อยู่ใน 90% แรกของกระดานหลักเรียงตามมูลค่า market cap. ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือก และไม่ได้ถูกคำนวณอยู่ใน FTSE SET Large Cap
เกณฑ์การคำนวณและคัดเลือก นั้นจะมีการปรับค่าด้วยข้อมูลการกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย (free-float adjusted) โดยเกณฑ์การกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อย (free-float) ต้องมากกว่า 15% ควบคู่กับเกณฑ์สภาพคล่อง โดยต้องมีค่ามัธยฐาน (Median) ของปริมาณหุ้นที่ซื้อขายได้อย่างน้อย 0.05% ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่ซื้อขายได้ เป็นเวลามากกว่าหรือเท่ากับ 10 ใน 12 เดือน
โดยนักลงทุนสายลงทุนระยะยาวเราสามารถนำดัชนี FTSE SET เอาไว้ใช้เป็นเกณฑ์หนึ่งในการคัดกรองหุ้นพื้นฐานดีได้ เพราะถือเป็นดัชนีที่ดึงดูดนักลงทุนชาวต่างประเทศและนักลงทุนสถาบันให้หันมาสนใจหุ้นเหล่านี้ พร้อมทั้งยังเป็นการสะท้อนถึงคุณภาพและปัจจัยพื้นฐานที่ดีของบริษัทอีกด้วย
จะว่าไปแล้วก็ คล้ายๆ กับหุ้นไทยที่ถูกจัดอันดับเข้าไปใน SET50 โดยหลังช่วงมีการประกาศผลก็มักจะมีแรงเก็งกำไรหรือได้รับความสนใจจากนักลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ดี จุดที่ต้องระวังก็คือหากหุ้นตัวไหนถูกเก็งว่ากำลังจะได้รับการจัดอันดับเข้าดัชนี ก็อาจจะทำให้มีการเก็งกำไรระยะสั้นไปก่อนหน้านี้ และเกิดการ Sell on fact กรณีที่มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารกันไปก่อนแล้วนั่นเอง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- จับตา ‘หุ้นหน้าใหม่’ เตรียมเทรดใน ปี 2566
- เช็กราคาเป้าหมายตลาดหุ้นไทย ‘SET Index’ ปี 2566
- ‘เทรนด์ลงทุน’ มาแรง ต้อนรับปี 2566
