เปิดเทคนิคเลือกหุ้นขนาดเล็ก (Small Cap) ลงทุนอย่างไรให้ปลอดภัย สบายใจ สบายกระเป๋า ชี้หากรับความเสี่ยงได้ เลือกหุ้นถูกตัว มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วย
หุ้นขนาดเล็ก (Small Cap) เป็นหุ้นอีกกลุ่มที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุน เพราะมองว่าเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพในการเติบโตที่ดี ดังนั้น หากนักลงทุนซื้อหุ้นได้ในราคาที่ดีก็อาจได้รับผลตอบแทนที่ดีด้วย แต่หุ้นขนาดเล็กอาจมีความเสี่ยงและผันผวนมากกว่าหุ้นขนาดใหญ่ที่มีประวัติการดำเนินธุรกิจที่ดีมาอย่างยาวนาน นักลงทุนจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษในการเลือกหุ้นก่อนตัดสินใจลงทุน
หุ้นขนาดเล็ก (Small Cap)
ถึงแม้ว่าหุ้นขนาดเล็กตัวนั้นจะมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่งเพียงใด มีระบบการบริหารงานที่ดี มีแนวโน้มการเติบโต มีฐานะการเงินที่แข็งแรง และมีการจัดการสภาพคล่องได้ดี แต่เมื่อขึ้นชื่อว่าเป็น “หุ้นขนาดเล็ก” ก็อาจถูกเหมารวมว่ามีปัจจัยพื้นฐานที่ไม่แข็งแกร่ง (เมื่อเทียบกับหุ้นขนาดใหญ่ หรือหุ้นบลูชิป) หรือไม่มีบทวิเคราะห์ให้ได้ศึกษามากนัก
ปัจจุบัน พบว่าหุ้นขนาดเล็กที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยมีมากมายและหลากหลายธุรกิจ และคงเป็นไปไม่ได้ที่จะเลือกลงทุนทั้งหมด ดังนั้น คำแนะนำจากนักวิเคราะห์ (โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง) จึงแนะนำให้นักลงทุนมองหาหุ้นขนาดเล็กที่มีธุรกิจไม่หวือหวา และมีโอกาสเติบโตแข็งแกร่ง
เทคนิคเลือกหุ้นขนาดเล็ก
เนื่องจากหุ้นขนาดเล็กอาจมีปริมาณการซื้อขายต่อวันไม่มาก และได้รับความสนใจจากนักลงทุนหรือนักวิเคราะห์น้อย ดังนั้น หากสามารถหาหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีอนาคต แต่ราคายังไม่ขยับปรับขึ้นก็ย่อมเป็นโอกาสที่ดีได้
โดยอันดับแรกที่ต้องพิจารณา คือ ปัจจัยพื้นฐาน โดยการใช้วิธีวิเคราะห์แบบ Bottom Up คือ คัดเลือกหุ้นแล้วดูว่าบริษัทไหนมีผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องสม่ำเสมอ (ควรดูผลประกอบการย้อนหลัง 3 – 5 ปี) จากนั้นดูการจ่ายเงินปันผลว่ามีความต่อเนื่องหรือไม่ ดูความแข็งแกร่งของโครงสร้างทางการเงิน หรือภาพรวมของการดำเนินธุรกิจว่าจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยเสี่ยงอะไรบ้าง
ถัดมาต้องดู Story ของหุ้นว่ามีดีพอที่จะขับเคลื่อนราคามากน้อยแค่ไหน แล้วดูสภาพคล่องในการซื้อขาย หากค้นหาหุ้นที่ดีแต่ไม่มีสภาพคล่อง เช่น ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือหุ้นในสัดส่วนที่สูง ก็จะมี Free Float น้อย ดังนั้น ต่อให้หุ้นดีแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้ เพราะประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่อยู่คู่กับหุ้นขนาดเล็ก คือ สภาพคล่องต่ำ ดังนั้น กลยุทธ์ที่ควรนำมาใช้ คือ การเข้าออกต้องเป็นไปอย่างรวดเร็วและต้องติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด
กลยุทธ์ลงทุนหุ้นขนาดเล็ก
อย่างไรก็ตาม กลยุทธ์ลงทุนหุ้นขนาดเล็กไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวว่าจะต้องลงทุนเพื่อรับกำไรจากราคาหุ้นที่ปรับขึ้น (Capital Gain) หรือรับเงินปันผล แต่เงินปันผลก็เป็นสิ่งที่จับต้องได้ ดังนั้น เมื่อค้นหาหุ้นประเภทนี้แล้วประเมินว่าเป็นหุ้นที่มีความสามารถในการจ่ายเงินปันผลได้อย่างสม่ำเสมอก็จะน่าสนใจมากขึ้น เพราะในบางครั้งราคาหุ้นอาจไม่ถึงเวลาปรับขึ้นในเวลารวดเร็วก็ต้องอดทนรอกันต่อไป เพราะกว่าตลาดหรือนักลงทุนคนอื่น ๆ จะรับรู้ว่าหุ้นตัวนี้มีอนาคตก็อาจรอนาน เช่น 1 ปี หมายความว่า หากต้องการได้ผลตอบแทนที่ดีควรเข้าลงทุนก่อนที่จะรับรู้ในวงกว้าง พูดง่าย ๆ ใครเจอของดีก่อนก็จะได้ประโยชน์สูงสุด
นอกจากนี้ เมื่อลงทุนหุ้นขนาดเล็กไปแล้วและเห็นการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานหรือราคาหุ้น ควรพิจารณาว่าจะทำอย่างไรกับหุ้นที่ถืออยู่ เช่น เริ่มเห็นปัจจัยพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไปในเชิงลบหรือราคาปรับขึ้นอย่างรวดเร็วและเกินมูลค่าที่แท้จริง ก็ควรขายออกไป
ปฏิเสธไม่ได้ว่า หุ้นขนาดเล็กมีความน่าสนใจแต่ไม่ว่าจะลงทุนหุ้นประเภทใดต้องคำนึงถึงความเสี่ยงที่ตัวเองยอมรับได้อยู่เสมอ และหุ้นขนาดเล็กอาจมีความเสี่ยงสูง ดังนั้น หากสามารถรับความเสี่ยงได้และเลือกหุ้นได้ถูกตัว ก็มีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
หมายเหตุ : บทความนี้เพื่อใช้สำหรับศึกษาเบื้องต้นเท่านั้น มิได้มีเจตนาในการชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนตัดสินใจลงทุน
ขอบคุณ : ฐิติเมธ โภคชัย ฝ่ายพัฒนาความรู้ผู้ลงทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ตลาดหุ้นโลก’ ส่อแววฟื้นตัวปี 66 อานิสงส์ ‘เงินเฟ้อ’ ผ่านจุดพีค ‘เฟด’ ชะลอความแรงขึ้นดอกเบี้ย
- หุ้นไทยก็ไม่รอด! ‘เจพี มอร์แกน’ มอง ‘หุ้นอาเซียน’ ผันผวนหนักปี 66
- ‘สรรพากร’ เชื่อรีดภาษีหุ้นกระทบตลาดแค่ระยะสั้น คาดเริ่มเก็บ พ.ค. 66