ตลาดหุ้นนิวยอร์ก ของสหรัฐ ซื้อขายช่วงเช้าวันนี้ (6 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยที่ “ดาวโจนส์” ร่วงลงเกือบ 200 จุด ท่ามกลางความกังวลว่า “ธนาคารกลางสหรัฐ” เร่งขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐเผชิญภาวะถดถอย
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวล่าสุดที่ 33,756.65 จุด ร่วงลง 190.45 จุด หรือ 0.56% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ 3,955.03 จุด ลดลง 43.81 จุด หรือ 1.10% และดัชนีแนสแด็กที่ 11,065.21 จุด ลดลง 174.73 จุด หรือ 1.55%
เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) ดาว โจนส์ดิ่งลงเกือบ 500 จุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่า ตลาดแรงงานและภาคบริการที่แข็งแกร่งของสหรัฐ จะเป็นปัจจัยหนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งขึ้นดอกเบี้ย สถานการณ์ที่จะทำให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนที่มีรายได้จากต่างประเทศ
นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย จนทะลุระดับ 5.0% ในกลางปีหน้า หลังการเปิดเผยรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่ง แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย 0.75% มาแล้วถึง 4 ครั้งติดต่อกัน
ผลข้างต้น บ่งชี้ว่า การคุมเข้มนโยบายการเงินของเฟดในช่วงที่ผ่านมา ยังสกัดความร้อนแรงของตลาดแรงงานไม่ได้ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า เฟดจะเดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยต่อไปในปีหน้า เพื่อทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงและสกัดการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อ
FedWatch Tool ของ CME Group แสดงให้เห็นว่า ขณะนี้นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยสู่กรอบ 5.00-5.25% ในเดือนพฤษภาคม 2566 หลังจากก่อนหน้านี้คาดการณ์ที่ระดับ 4.75-5.00%
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘ยูเอ็นดีพี’ เตือน ‘ประเทศกำลังพัฒนา’ กำลังเจอวิกฤติหนี้ ชี้ต้องเร่งหามาตรการช่วยเหลือทันที
- ผู้เชี่ยวชาญชี้ ‘ค่าเงินเอเชีย’ อ่อนค่าลงอีก หลัง ‘เฟด’ ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง
- ‘รมว.คลัง’ กำชับ ‘ธปท.’ จับตาใกล้ชิด! คาด ‘เฟด’ ปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง