เปิดมุมมอง 3 กูรูตลาดทุน จับเทรนด์คนไทย ซื้อ “กองทุนต่างประเทศ” ได้เองโดยตรง รับเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแบบ “K-Shaped”
ฟินเวสต์ (FinVest) แอปพลิเคชันเพื่อการลงทุน ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จัดสัมมนาออนไลน์ ในหัวข้อ ติดปีกการลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ อัพเดททิศทางความเคลื่อนไหวของตลาดการเงินโลกล่าสุด และ กองทุนเมกะเทรนด์ ที่น่าสนใจ เป็นโอกาสใหม่ที่นักลงทุนรายย่อยไทย สามารถซื้อขายกองทุนต่างประเทศได้เองโดยตรงเป็นครั้งแรก ผ่านแอปพลิเคชัน FinVest
พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองผ่าน 3 กูรูตลาดทุน นายกิตติ สุทธิอรรถศิลป์ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงาน Strategic Initiatives & Industry Utility ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นายชลเดช เขมะรัตนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรโบเวลธ์ และ นายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ในฐานะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จ และมีประสบการณ์ทำงานในตลาดการเงินระดับภูมิภาค
จับสัญญาณเศรษฐกิจทั่วโลก เข้าสู่ช่วงฟื้นตัวแบบ K-Shaped
นายชลเดช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรโบเวลธ์ กล่าวว่า ทิศทางการฟื้นตัวเศรษฐกิจโลก จากวิกฤติโควิด-19 จะฟื้นตัวแบบกราฟรูปตัว K หรือที่เรียกว่า K-Shaped โดยนักลงทุนควรพิจารณาจัดพอร์ตการลงทุน ตามกลุ่มอุตสาหกรรม และประเทศที่ฟื้นตัวได้เร็ว มากกว่าการจัดพอร์ตแบบ Home Bias ที่แบ่งสัดส่วนการลงทุนออกเป็นการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ
อุตสาหกรรมและประเทศ ที่จัดอยู่ในหมวดด้านบนของขาตัว K เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 น้อย ฟื้นตัวได้เร็ว และเติบโตได้ต่อเนื่อง ได้แก่ กลุ่มธุรกิจด้านสุขภาพ กลุ่มพลังงานสะอาด กลุ่มเทคโนโลยี โดยมีสหรัฐ และจีน เป็นแกนนำ
ส่วนกลุ่มที่อยู่ขาล่างของตัว K คืออุตสาหกรรมที่ฟื้นตัวได้ช้า หรือยังไม่ส่งสัญญาณการฟื้นตัว เช่น ภาคการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย และยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง กว่าที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจในภาคท่องเที่ยว จะกลับไปเป็นปกติ
การมองภาพใหญ่เช่นนี้จะทำให้นักลงทุนเห็นโอกาสปรับกลยุทธ์ในแต่ละช่วงและจับสัญญาณการลงทุนจากตลาดโลกได้มากขึ้น
วิธีการวิเคราะห์แบบนี้ สามารถสร้างผลตอบแทนในระยะยาวได้ หากพิจารณาจากการเติบโตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ของดัชนีหุ้นต่างประเทศ มีดาวเด่นเป็นดัชนี แนสแด็ก ที่โตขึ้นกว่า 5 เท่า โดยเฉพาะหุ้นแอปเปิ้ล ที่มูลค่าตลาด ณ ปัจจุบัน ทะลุ 80 ล้านล้านบาทไปแล้ว
นอกจากนี้ ยังรวมถึงหุ้นที่คนไทยคุ้นเคยอยู่แล้ว เช่น ไมโครซอฟท์ กูเกิล อเมซอน เฟซบุ๊ก เทสลา เน็ตฟลิกซ์ ฯลฯ นี่จึงเป็นโอกาสของนักลงทุนไทยที่จะได้ลงทุนในหุ้นที่เจริญเติบโตเหล่านี้
เลือกธีมลงทุนที่เหมาะสม กับเมกะเทรนด์ ในแต่ละช่วงเวลา
นายชลเดช กล่าวต่อว่า นักลงทุนไทยสามารถเลือกลงทุนกองทุนต่างประเทศในรูปแบบ Thematic Investment ทำให้สามารถลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำในแต่ละธีมพร้อมกันได้หลายบริษัท โดยอาจเลือกถือ 3-5 กองทุนที่สนใจในแต่ช่วงเวลา
5 กองทุนเด่นเมกะเทรนด์ระดับโลก
- กองทุน Global Energy Transition จาก Schroder ISF
ลงทุนในบริษัทชั้นนำด้านธุรกิจและเทคโนโลยีพลังงานสะอาดระดับโลก สอดคล้องกับเป้าหมายร่วมของผู้นำทั่วโลก ที่จะบรรลุภารกิจการลดโลกร้อนร่วมกัน
- กองทุน Robeco Smart Mobility จาก Robeco
ลงทุนในบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และยานยนต์ไร้คนขับ ตามการปฏิวัติอุตสาหกรรมรถยนต์ ที่แบรนด์ชั้นนำทั่วโลก หันมาเน้นผลิตรถยนต์ EV มากขึ้น
- กองทุน Blockchain Innovation จาก BNY Mellon
ลงทุนในบริษัทผู้พัฒนาเทคโนโลยีบล็อกเชนในหลากหลายอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่เชื่อว่า จะกลายเป็น New Internet ใหม่ในอนาคต
- กองทุน Healthcare Innovation จาก Schroder ISF
ลงทุนในเทคโนโลยี และการบริการทางการแพทย์ใหม่ ๆ อย่างหุ่นยนต์ผ่าตัด Telehealth และการนำข้อมูลดิจิทัล เพื่อวิเคราะห์ร่างกาย รวมทั้งผลิตภัณฑ์ยา และวัคซีนต่าง ๆ เช่น จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน แอสตร้าเซนเนก้า และไฟเซอร์
- กองทุน Long Term Global Growth จาก Baillie Gifford
ลงทุนในบริษัทที่เติบโตอย่างโดดเด่นจากทั่วโลก อาทิ เน็ตฟลิกซ์ เทสลา อเมซอน เฟซบุ๊ก และ อาลีบาบา
ทางด้าน นายพสุ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองว่า การลงทุนธุรกิจ ที่เป็นเศรษฐกิจใหม่ (New Economy) คือโอกาสของคนยุคปัจจุบัน ที่จะได้ถือกองทุน หรือหุ้นที่เป็นอนาคตของโลก โดยเฉพาะ บล็อกเชน ที่หากเริ่มต้นลงทุนวันนี้ ก็เหมือนได้ย้อนเวลากลับไป 20-30 ปี ในวันที่นักลงทุนสามารถเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และวันนี้เติบโตมหาศาล
นอกจากนี้ ส่วนตัวยังสนใจธุรกิจที่เป็นสินทรัพย์จับต้องไม่ได้ อาศัยการทำงานบนคลาวด์ (Cloud) เพราะไม่มีข้อจำกัดด้านต้นทุนเรื่องพื้นที่ แรงงาน และการผลิต สำหรับการขยายจำนวนลูกค้า เหมือนอุตสาหกรรมในเศรษฐกิจเก่า
โอกาสใหม่ลงทุนกองทุนทั่วโลกได้เองโดยตรง
ขณะที่ นายกิตติ ผู้ช่วยผู้จัดการ สายงาน Strategic Initiatives & Industry Utility ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ในปี 2563 คนไทยตื่นตัวเรื่องการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยเปิดพอร์ตฟอลิโอสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 200,000 รายการ และให้ความสนใจในตลาดหุ้นต่างประเทศอย่างมาก ส่งผลให้มูลค่ากองทุนรวม ที่มีนโยบายลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ FIF มีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของตลาดกองทุนรวม
การลงทุนในตลาด กองทุนต่างประเทศ อาจมีโอกาสได้รับผลตอบแทนไม่เท่ากัน ด้วยข้อจำกัดที่ผ่านมาสำหรับนักลงทุนมือใหม่ หรือระดับกลาง ที่ไม่พร้อมจะลงทุนต่างประเทศ ผ่านไพรเวท แบงก์ (Private Banking) หรือซื้อตรงหุ้นต่างประเทศเป็นรายตัว ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำ ที่หลักแสน หรือล้านบาท จึงลงผ่าน Feeder Fund ที่จะมีค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการกองทุนอยู่ที่ 1-1.5 % ต่อปี ซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ ที่หักลบผลตอบแทนสุดท้ายที่จะได้รับ
การเปิดตัวฟีเจอร์ซื้อขายตรงกองทุนต่างประเทศ บน FinVest แอปพลิเคชันเพื่อการลงทุนด้วยความร่วมมือของธนาคารกสิกรไทย ลู อินเตอร์เนชันแนล และกลุ่มโรโบเวลธ์ นับเป็นแอปพลิเคชันแรกในไทย ที่เปิดให้นักลงทุนมีโอกาสทำกำไร จากการซื้อขายกองทุนต่างประเทศได้เองโดยตรง โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมซ้ำซ้อน และเพิ่มทางเลือกในการลงทุนได้มากกว่า 1,000 กองทุนจาก 33 บลจ.ชั้นนำทั่วโลก
นอกจากนี้ จากความสำเร็จในการเชื่อมต่อระบบ FundConnext ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เข้ากับระบบซื้อขายกองทุนทั่วโลก เอื้อให้แพลตฟอร์ม Open Architecture ของ FinVest สามารถส่งคำสั่งซื้อได้ในขั้นตอนเดียว ทั้งยังซื้อได้ด้วยสกุลเงินบาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบ Real-time ของธนาคารกสิกรไทย ช่วยให้นักลงทุนซื้อตรงกองทุนต่างประเทศ ได้ง่ายทุกขั้นตอนผ่านสมาร์ทโฟน
เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 30,000 บาทต่อกองทุน ทำให้นักลงทุนไทยเข้าถึงการลงทุนตรงกองทุนต่างประเทศได้มากขึ้น โดยมั่นใจได้ถึงความปลอดภัย เพราะมีระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จดบันทึกรายการ และจำนวนหน่วยลงทุนของนักลงทุนแต่ละราย
พิเศษ! ช่วงเปิดตัวฟีเจอร์ซื้อขายกองทุนรวมต่างประเทศโดยตรงบน FinVest ตั้งแต่วันนี้-15 พฤศจิกายน ฟรี! ค่าธรรมเนียมจากการขายหน่วยลงทุน (Front-end-fee) แบบไม่มีเพดานสำหรับ 5 กองทุนแนะนำข้างต้น
สามารถดูรายละเอียดโปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/32e84f48
นักลงทุนสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน FinVest ได้ที่ https://finvest.onelink.me/CoWV/744f623a และสามารถติดตามเทรนด์การลงทุนทั่วโลก ได้ที่เฟซบุ๊ก FinVest หรือเว็บไซต์ ฟินเวสต์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘กสิกรไทย’ เปิดตัว ‘FinVest’ แอปพลิเคชันลงทุน ‘กองทุนรวม’ ไทย-ทั่วโลก
- ‘บีคอน วีซี’ ผนึกกำลัง ‘Robowealth’ หนุนคนไทยลงทุนด้วย ‘Wealth Tech’
- แอปแรกในไทย! FinVest เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ ซื้อขายกองทุนต่างประเทศได้โดยตรง