“คลินิกแก้หนี้ by SAM” รับโควิดทำหนี้พุ่ง ประกาศหั่นดอกเบี้ยบัตรเหลือ 5% ต่อปี พร้อมต่อยาสูตร “จ่ายเท่าที่ไหว” กู้วิกฤติคนเป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด
นายธรัฐพร เตชะกิจขจร กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) หรือ SAM เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2563 ถึงปัจจุบัน สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด ทำให้คนจำนวนมากขาดรายได้และมีปัญหาการชำระหนี้ จากข้อมูลของ “กรมบังคับคดี” มีคดีแพ่งเข้าสู่ชั้นศาลสูงถึง 1.3 แสนคดี โดยพบว่าส่วนใหญ่เป็นคดีหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อเช่าซื้อรถ
ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลเร่งออกมาตรการแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนหลายกลุ่ม ทั้งงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ โครงการรวมหนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อย ระยะ 3 ทางด่วนแก้หนี้ หมอหนี้เพื่อประชาชนและหนึ่งในนั้นคือการแก้ปัญหาหนี้บัตรเครดิต และสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีอยู่ถึง 49.9 ล้านบัญชี
โดยธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ผลักดันให้มีการช่วยเหลือลูกหนี้ให้ครอบคลุมทุกกลุ่ม ด้วยการจัดตั้งโครงการ คลินิกแก้หนี้ by SAM ให้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือลูกค้าที่เป็นหนี้เสียบัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกันของธนาคารพาณิชย์และผู้ประกอบธุรกิจทางการเงิน (Non-Bank)ที่ค้างจ่ายหรือไม่ได้จ่ายหนี้บัตรเกินกว่า 90 วัน
ต่ออายุ “จ่ายเท่าที่ไหว”
สำหรับกลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ระลอก 3 “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ได้ต่ออายุมาตรการ “จ่ายเท่าที่ไหว” ไปจนถึงเดือนธันวาคม 2564 ซึ่งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่จะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1-2% ในช่วงเดือนกรกฎาคม-ธันวาคม 2564 แบ่งออกเป็น
- ลูกค้าที่ชำระเกินกว่า 80% ของค่างวดในแต่ละเดือนจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 2%
- ลูกค้าที่ชำระเกินกว่า 40 % แต่ไม่ถึง 80% ของค่างวดในแต่ละเดือนจะได้รับส่วนลดดอกเบี้ย 1% นับว่าเป็นความพิเศษของมาตรการที่ผ่อนปรนและให้โอกาสคนที่เป็นหนี้เสียบัตรสามารถเลือกผ่อนชำระได้ตามความสามารถที่แท้จริงและกลับไปดำเนินชีวิตได้ตามปกติ ไม่ต้องหนีหรือออกจากโครงการซึ่งอาจนำไปสู่การฟ้องร้องหรือปัญหาทางด้านหนี้สินที่ยืดเยื้อในอนาคต
อย่างไรก็ตาม หากลูกค้าที่ได้เข้ามาตรการ “จ่ายเท่าที่ไหว” ขณะนี้ พบว่าตนเองไม่สามารถผ่อนชำระได้ในอัตราที่ตกลงตามสัญญา “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” เข้าใจในสถานการณ์และขอเป็นกำลังใจให้ลูกค้าทุกคน แต่ขอย้ำให้ลูกค้าพยายามจ่ายชำระเท่าที่จ่ายไหวและจ่ายตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่องทุกเดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการปฏิบัติตามสัญญาการปรับโครงสร้างหนี้และเพื่อประโยชน์ของลูกค้าเองในการคงสถานะการเป็นลูกค้าของ “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ได้ต่อไป
ทั้งนี้ นอกจากมาตรการ “จ่ายเท่าที่ไหว” ดังกล่าวแล้ว “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ยังปรับอัตราดอกเบี้ยเป็นอัตราเดียว (Single Rate) เหลือเพียง 5% ต่อปี ซึ่งเป็นดอกเบี้ยต่ำที่สุดในระบบ เทียบกับดอกเบี้ยบัตรปกติอยู่ที่ 15-25%
ข้อดีของการเข้าร่วมโครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM มีหลายประการ ได้แก่
- ไม่ถูกทวงถามจากเจ้าหนี้หลายราย
- แก้ไขหนี้หลายรายได้ครบ จบในที่เดียว
- ทำสัญญาแก้หนี้เพียงฉบับเดียว
- ผ่อนสบายๆตามตารางชำระหนี้
- ผ่อนได้นานสูงสุดถึง 10 ปี
โดยคุณสมบัติเบื้องต้นของผู้สนใจสมัครเข้าร่วม “โครงการคลินิกแก้หนี้ by SAM” ดังนี้ คือ
- เป็นบุคคลธรรมดาที่มีรายได้ มีอายุไม่เกิน 70 ปี
- มียอดหนี้รวมกันไม่เกิน 2 ล้านบาท
- เป็นหนี้เสียก่อน 1 กุมภาพันธ์ 2564
ทั้งนี้ เพื่อความรวดเร็วในการพิจารณาผลการสมัคร ตามแนวคิด “เอกสารครบ-จบไว”
เอกสารสำคัญประกอบการสมัครดังนี้
- สำเนาบัตรประชาชน
- สลิปเงินเดือนย้อนหลัง 1 เดือน หรือหนังสือรับรองเงินเดือน (กรณีผู้มีรายได้ประจำ) / รายการเดินบัญชี (Statement) อย่างน้อย 3 เดือนหรือหนังสือรับรองรายได้ (กรณีอาชีพอิสระ)
- เอกสารรายงานเครดิตบูโร
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คลินิกแก้หนี้ต่ออายุช่วยเหลือลูกหนี้ยาวถึงสิ้นปี 2564 ‘โควิดรอบ 3 หนัก’
- ใครเป็นหนี้ไม่ถึง 2 ล้าน รัฐใช้หนี้ให้ ไม่จริง! ‘คลินิกแก้หนี้’ ลั่นข่าวปลอม
- มารู้จัก ‘คลินิกแก้หนี้ by SAM’ ตัวช่วยเด็ดดวงของคนมีหนี้เสีย