Personal Finance

รัฐ จับมือ ‘พิโกไฟแนนซ์’ พักจ่ายเงินต้น ‘สินเชื่อรายย่อย’ ปราบเจ้าหนี้โหด

รัฐบาลจับมือ “พิโกไฟแนนซ์” ช่วยเหลือลูกหนี้ ในช่วงวิกฤติโควิด ทั้งลดค่างวด ขยายเวลาชำระหนี้ และพักชำระ “สินเชื่อรายย่อย” หวังลดความจำเป็นลูกหนี้ ไม่ให้ถูกผลักไปเป็นหนี้นอกระบบ

วันนี้ (4 ก.ย.) นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงความคืบหน้าการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบตามนโยบาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการดำเนินการทางกฎหมายเอาผิดเจ้าหนี้โหด และเข้าช่วยเหลือ เรื่องเจรจาแก้หนี้ประชาชนแล้ว รัฐบาลยังได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ออกมาตรการเพื่อให้ลูกหนี้รายย่อย เข้าถึงสินเชื่อในระบบ และลดความจำเป็นของลูกหนี้ ที่จะถูกผลักไปเป็นหนี้นอกระบบ

สินเชื่อรายย่อย

จัดมาตรการช่วย “สินเชื่อรายย่อย”

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กระทรวงการคลัง ได้ขอความร่วมมือกับผู้ประกอบธุรกิจ “สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์”  สถาบันการเงินที่ปล่อยสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ภายใต้การกำกับของ สศค. ให้ประชาชนทั้งผู้ที่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน และไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน เข้าถึงแหล่งเงินทุน เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือ และบรรเทาผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด19 ให้กับลูกหนี้

ประกอบด้วยการลดค่างวด การขยายระยะเวลาการชำระหนี้ การเปลี่ยนประเภทหนี้ จากระยะสั้นเป็นระยะยาว การพักชำระค่างวด การพักชำระเงินต้น และจ่ายดอกเบี้ยบางส่วน และการพักชำระเงินต้นและลดอัตราดอกเบี้ย

ในเดือน มิถุนายน 2564 มีผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์แจ้งเข้าร่วมมาตรการ จำนวนทั้งสิ้น 288 ราย คิดเป็นจำนวนบัญชีที่ให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ทั้งสิ้น 9,807 บัญชี

ขณะที่เมื่อวานนี้ (3 ก.ย.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้เริ่มการผ่อนเกณฑ์ “สินเชื่อลูกหนี้รายย่อย” แบ่งเป็น สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้กำกับ และสินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล เพื่อบรรเทาภาระการจ่ายหนี้ รวมถึงเพิ่มสภาพคล่องให้กับลูกหนี้เป็นการชั่วคราว ประกอบด้วย

  • ขยายเพดานวงเงิน “บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล” กลุ่มผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาท เป็น 2 เท่าของรายได้ จากเดิม 1.5 เท่า และไม่จำกัดจำนวนผู้ปล่อยสินเชื่อ จากเดิมไม่เกิน 3 ราย
  • คงอัตราการผ่อนชำระขั้นต่ำบัตรเครดิต ที่ถูกปรับลดลง ในช่วงการแพร่ระบาดก่อนหน้า เหลือ 5% ต่อไปจนถึงสิ้นปี 2565
  • ขยายเพดานวงเงิน “สินเชื่อส่วนบุคคลดิจิทัล” เป็น 40,000 บาทต่อราย จากเดิม 20,000 บาทต่อราย และขยายเวลาการชำระคืนจากเดิมไม่เกิน 6 เดือน เป็น 12 เดือน

ทั้ง 3 มาตรการ มีผลจนถึงสิ้นปี 2565

สินเชื่อรายย่อย

ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นส่วนหนึ่งของภาคีแก้หนี้นอกระบบ ได้ดำเนินการอย่างจริงจัง กับเจ้าหนี้นอกระบบที่ผิดกฎหมาย นับตั้งแต่ตุลาคม 2559 จนถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 มีการจับกุมผู้ปล่อยเงินกู้นอกระบบ ที่กระทำผิดกฎหมายจำนวนสะสม 9,773 ราย ประชาชนสามารถร้องเรียน หรือแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับเงินกู้นอกระบบที่ผิดกฎหมายได้โดยตรงที่

  • สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สายด่วน 1599
  • ศูนย์ดำรงธรรม สายด่วน 1567
  • ศูนย์รับแจ้งการเงินนอกระบบ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง สายด่วน 1359
  • ศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้และประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม (ศนธ.ยธ.)  โทร. 0 2575 3344

นางสาวรัชดา บอกด้วยว่า  นายกรัฐมนตรีต้องการให้มีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยในระดับต่างๆ  เพื่อผู้มีรายได้น้อย ผู้ที่มีรายได้ไม่มั่นคง หรือไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน จะได้เข้าถึงแหล่งทุน โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งการกู้หนี้นอกระบบ ที่คิดดอกเบี้ยไม่เป็นธรรม

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังได้ติดตามการปราบปรามเจ้าหนี้ผิดกฎหมาย ที่ปัจจุบันพบธุรกิจปล่อยกู้ออนไลน์ คิดดอกเบี้ยโหด ทวงหนี้ผิดกฎหมายเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทางตำรวจได้เข้าจับกุม และดำเนินการเอาผิดทั้งกระบวนการ

อีกทั้ง เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีประกาศใช้พระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ พ.ศ.2564 เพื่อไม่ให้มีการเรียกเก็บดอกเบี้ยที่ไม่เป็นธรรมแล้วด้วย

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo