หลายคนที่กำลังเตรียมตัวขอสินเชื่อบ้านอยู่ อาจจะกำลังเผชิญปัญหากับเอกสารขอสินเชื่อบ้านต่าง ๆ ที่มากมาย ตั้งแต่เอกสารไม่ครบ ไม่รู้ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง หรือบางทียื่นเอกสารไปครบแล้ว แต่สุดท้ายกลับถูกปฏิเสธเพราะเอกสารไม่ผ่าน เครดิตไม่น่าเชื่อถือ ฯลฯ
บทความชิ้นนี้เขียนขึ้น เพื่อตอบปัญหาให้กับคนอยากมีบ้านอีกครั้งอย่างชัดเจน เอกสารขอสินเชื่อบ้านต้องมีอะไรบ้าง แล้วจะเตรียมเอกสารอย่างไรให้ยื่นผ่านตั้งแต่ครั้งแรก เคล็ดลับอยู่ที่การเตรียมตัว
ก่อนอื่นมาทบทวนกันอีกสักรอบ ถึงเอกสารที่ต้องใช้ยื่น เพื่อขอสินเชื่อบ้าน
เอกสารขอสินเชื่อบ้านประกอบไปด้วย 3 หมวดหลัก ได้แก่ เอกสารส่วนบุคคล เอกสารการเงินหรือแสดงที่มารายได้ และเอกสารหลักประกัน
เอกสารส่วนบุคคล
เอกสารขอสินเชื่อบ้านกลุ่มนี้ ไม่มีอะไรมาก ธนาคารเพียงต้องการหลักฐานส่วนบุคคลไว้ยืนยันตัวตน และทำธุรกรรมด้วยเท่านั้น ทั้งนี้ ถ้าผู้ขอสินเชื่อมีคู่สมรส ก็ต้องยื่นเอกสารของคู่สมรสด้วย เพราะถือเป็นบุคคลเดียวกัน เอกสารส่วนบุคคล ได้แก่
- บัตรประจำตัวประชาชน / บัตรข้าราชการ / บัตรรัฐวิสาหกิจ
- สำเนาทะเบียนสมรส / ใบหย่า / ใบมรณะบัตร (คู่สมรส) (ถ้ามี)
- สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล (ถ้ามี)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)
เอกสารทางการเงิน
เอกสารทางการเงิน คือ เอกสารที่จะใช้แสดงที่มารายได้ ดังนั้น ที่มารายได้ของแต่ละอาชีพจึงแตกต่างกัน ซึ่งธนาคารจะแบ่งอาชีพที่มีรายได้ต่างกันเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
พนักงานประจำ
- ใบรับรองเงินเดือน / หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ
- สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน
ผู้ประกอบอาชีพอิสระ
- สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 12 เดือน/หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่นๆ (พร้อมเอกสารฉบับจริง)
- สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วน
- หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
- รูปถ่ายกิจการ
- สำเนาใบประกอบวิชาชีพ
ทั้งนี้ เอกสารการเงินมักเป็นส่วนที่ทำให้หลายคนกู้ขอสินเชื่อไม่สำเร็จ เพราะเครดิต หรือความน่าเชื่อถือทางการเงินไม่เพียงพอ ดังนั้น จึงต้องเตรียมสร้างเครดิตให้กับเอกสารทางการเงินให้ดีก่อนยื่นกู้
เอกสารหลักประกัน
เอกสารขอสินเชื่อบ้านในกลุ่มสุดท้าย ต้องยื่นเพื่อเป็นหลักประกันให้กับธนาคารว่า จะชำระหนี้คืนให้แก่เขา โดยที่กรรมสิทธิ์ของสินทรัพย์จะยังเป็นของเราอยู่ เอกสารหลักประกันก็มีหลายประเภทโดยจะแตกต่างกันที่จุดประสงค์การกู้ คือ ซื้อ หรือสร้าง
- สำเนาจะซื้อจะขาย / สัญญาวางมัดจำ / สัญญาเช่าซื้อการเคหะฯ และหนังสือรับรองยอดคงเหลือ
- หลักฐานการเป็นเจ้าของอาคาร
- สำเนาโฉนดที่ดิน / นส.3ก / หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด / อช.2 ทุกหน้า
- ใบอนุญาตปลูกสร้าง / ต่อเติม
- แบบแปลน
- ใบประมาณการปลูกสร้าง / สัญญาว่าจ้างก่อสร้าง
*หมายเหตุ ธนาคารอาจขอเอกสารเพิ่มเติมจากผู้ขอกู้ตามแต่กรณี เพื่อใช้ประกอบพิจารณาการให้สินเชื่อ
ตรวจสอบเครดิตทางการเงิน ยื่นขอสินเชื่อให้ผ่านในครั้งเดียว
เอกสารขอสินเชื่อบ้านประเภทเอกสารการเงิน มักจะเป็นอุปสรรค ที่อาจทำให้ยื่นขอสินเชื่อไม่ผ่าน เพราะเอกสารการเงินคือสิ่งที่ธนาคารจะใช้พิจารณาความสามารถ และความน่าเชื่อถือในการชำระหนี้ ได้แก่ บัญชีเงินฝากหรือรายการเดินบัญชี (Statement) ย้อนหลัง 6 เดือน และประวัติการชำระหนี้ โดยสามารถสร้างเครดิตให้เอกสารทั้ง 2 ประเภทนี้ได้ ด้วย 5 วิธีต่อไปนี้
- ตรวจสอบเครดิตบูโร
ก่อนที่จะขอกู้ ควรตรวจประวัติการชำระหนี้ของตัวเองกับ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ หรือเครดิตบูโร (NCB: National Credit Bureau) ก่อน เพื่อดูว่าเครดิตมีปัญหาอะไรหรือไม่ เช่น ค้างชำระ ติดแบล็กลิสต์ ประวัติชำระไม่ตรงเวลา ถ้าหากมีประวัติข้างต้น ธนาคารอาจไม่อนุมัติสินเชื่อให้
- ปลดภาระสินเชื่ออื่น ๆ ลง
ข้อมูลหนี้สินทั้งหมดในระบบจะมีบันทึกอยู่ในเครดิตบูโร หากมีภาระหนี้สินมากเกินไป ธนาคารจะไม่อนุมัติสินเชื่อให้ เพราะโดยทั่วไป ธนาคารจะพิจารณาสินเชื่อให้บุคคลไม่เกิน 30%-40% ของรายได้ นั่นถือ หนี้สินทั้งหมดรวมแล้วจะต้องไม่เกิน 40% ของรายได้
สินเชื่อที่ควรปลดให้ได้ก่อนขอสินเชื่อบ้าน ก็อาจเป็นสินเชื่อระยะกลาง เช่น สินเชื่อผ่อนรถ หรือสินเชื่อส่วนบุคคลก้อนใหญ่ เพื่อให้ภาระหนี้สินน้อยลง และเพื่อเป็นประวัติว่าสามารถชำระหนี้ได้
- ชำระหนี้ให้ตรงเวลา
หากมีหนี้สินอื่น ๆ ด้วย หรือทำบัตรเครดิตซึ่งเป็นหนี้ระยะสั้นอยู่บ้าง หนี้ประเภทนี้ อาจเป็นประโยชน์ต่อเครดิตการเงินของคุณ ถ้าหากชำระหนี้ตรงเวลาเสมอ เพราะเมื่อธนาคารเข้าไปตรวจประวัติกับเครดิตบูโร ก็จะเห็นถึงการชำระหนี้ตรงเวลา มีวินัยทางการเงินที่น่าเชื่อถือ โอกาสได้รับอนุมัติสินเชื่อก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
- ใช้เงินอย่างเป็นระบบ
สำหรับข้อนี้ ธนาคารจะเล็งไปที่บัญชีเงินฝากของเรา เพื่อที่จะวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่าย ซึ่งคนที่ใช้จ่ายอย่างเป็นระบบ สามารถสร้างความน่าเชื่อถือตรงนี้ได้ แม้ว่าจะไม่ได้มีรายได้ประจำก็ตาม
ฝากเงินจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละเดือน หรือมีขั้นต่ำที่ต้องมีเงินเข้าเป็นรายรับ มีกำหนดวันในการกดเงินจากบัญชี และจำกัดจำนวนครั้ง เช่น กดเงิน 2 ครั้งต่อเดือน คือ วันที่ 1 และวันที่ 16 เป็นต้น และไม่กดเงินจนหมดบัญชี หรือไม่กดเงินทีละมาก ๆ
- ออมเงินเท่าจำนวนผ่อน
ข้อนี้ถือเป็นเทคนิคเฉพาะที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน นั่นคือ การฝากเงินเข้าบัญชีในจำนวนที่ใกล้เคียงกับยอดผ่อนเป็นเวลา 6 เดือนขึ้นไป ตามรายการเดินบัญชีที่ต้องยื่น ซึ่งวิธีนี้ยังถือเป็นการสร้างวินัยทางการเงินด้วย และถือเป็นการทดลองผ่อนจริง
ดังนั้น หากคุณทำได้ อย่างไรเอกสารการเดินบัญชีของคุณก็ต้องผ่านแน่นอน
นอกจากนี้ ยังมีอีกเคล็ดลับในการออมเงินเพื่อการกู้สินเชื่อบ้าน คือ การฝากเงินกับธนาคารที่คุณสนใจขอกู้ เป็นการสร้างประวัติทางการเงินกับผู้ปล่อยกู้ให้เขาตรวจสอบง่ายขึ้น และยังเป็นการสานสัมพันธ์ก่อนขอกู้จริง เพิ่มโอกาสอนุมัติไปอีกขั้น
ที่มา: ธนาคารอาคารสงเคราะห์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- วอร์มนิ้วรอ! 1 พ.ย. ประกันสังคม-ธอส. เปิดให้ผู้ประกัน ลงทะเบียนรับสิทธิ สินเชื่อบ้านวงเงิน 2 ล้านบาท
- คนซื้อบ้านเฮ!! ธอส. ขยายกรอบวงเงินสินเชื่อบ้าน 71 ปี ธอส. อีก 5 หมื่นล้าน
- ธอส. ปล่อยสินเชื่อผู้ประกอบการแฟลตให้เช่า-บ้านเช่า ดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.00% ต่อปี
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์: https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook: https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X (Twitter): https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram: https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yx