การก้าวเข้าสู่สังคมไร้เงินสด ทำให้การถอนเงิน โอนเงิน หรือจ่ายเงิน เพื่อชําระค่าสินค้า และบริการต่างๆ กลายเป็นเรื่องที่ทั้งง่ายดาย สะดวก และรวดเร็ว เรียกได้ว่าซื้อง่าย จ่ายคล่อง โอนไว เป็นชีวิตดี๊ดี
แต่ความดีนี้ ก็อาจจะมาพร้อมกับความเสี่ยงที่เงินในบัญชี จะหายไปโดยไม่รู้ตัวได้เหมือนกัน
ดังนั้น การทําธุรกรรมออนไลน์จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวที่สําคัญ และควรรู้ ถึงหลายสิ่งที่ต้องทํา และหลายสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อเหล่ามิจฉาชีพ ที่นับวันยิ่งพัฒนาไปไกล จนมีเหยื่อหรือผู้เสียหายจํานวนมากขึ้นเรื่อย ๆ
เพื่อให้มั่นใจว่า การทําธุรกรรมออนไลน์ ปลอดภัยจริง ๆ มาดูกันว่า ต้องทําอะไรบ้าง
- ต้องทำธุรกรรมออนไลน์ด้วยตัวเองเท่านั้น
อย่าไว้ใจฝากโทรศัพท์มือถือ หรือให้ใครทำธุรกรรมแทนเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ใครมาสวมรอย แล้วนำาเงินในบัญชีของเราไปใช้ฟรี ๆ ข้อนี้สำคัญที่สุด
- เลือกร้านค้าออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ
เช่น มีเงื่อนไข และรายละเอียดของสินค้าอย่างชัดเจน มีการตอบรับที่ดีจากลูกค้ารายอื่นหลาย ๆ ราย เช่น สินค้าถูกต้องตรงปก ความรับผิดชอบของร้าน เมื่อสินค้าเสียหาย การตอบคำถามลูกค้าสม่ำเสมอ ซึ่งสามารถตรวจสอบข้อมูลดังกล่าวได้ โดยการเข้าไปอ่านรีวิวของร้าน
- หลีกเลี่ยงการผูกบัตรเครดิต/เดบิต กับแอปพลิเคชันต่างๆ
หลีกเลี่ยงการผูกบัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต กับร้านค้าออนไลน์ หรือปแพลตฟอร์มที่ไม่มีการยืนยันตัวตนด้วย OTP (One Time Password) หรือรหัสผ่านแบบใช้ครั้งเดียวเพราะจะทำให้มิจฉาชีพใช้เป็นช่องโหว่ในการทำธุรกรรมแทนเราได้
- ไม่ส่งต่อ OTP ให้กับบุคคลอื่น
รหัส OTP นี้ถือเป็นประตูสำคัญ การส่ง OTP ให้คนอื่น เปรียบได้กับการที่เรายื่นกุญแจให้คนร้าย ไขประตูเข้ามาขโมยเงิน ในบ้านเราได้อย่างง่ายดาย
- ปรับวงเงินสูงสุดสำหรับการชำระค่าสินค้าทางออนไลน์ให้เหมาะสม
ตั้งค่าในจำนวนเงินที่ไม่สูงมาก ในระดับที่รับได้ หากเกิดความเสียหายขึ้น หรือสามารถตั้งวงเงินเป็น 0 บาท เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายในช่วงนั้น
- ไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลสำคัญทางการเงินแก่ผู้อื่น
ไม่โพสต์โชว์ทางโซเชียลมีเดีย เช่น หมายเลขบัตรเครดิต เลขหลังบัตรเครดิตหรือ CVV เลขบัญชีธนาคาร และเลขบัตรประชาชน หากมีบุคคลใดอ้างเป็นธนาคารติดต่อมาขอข้อมูลดังกล่าวต้องไม่ให้เด็ดขาด เนื่องจากธนาคารไม่มีนโยบายติดต่อลูกค้า เพื่อให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลสำคัญอื่น ๆ
- ตั้งรหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดา และไม่ใช้รหัสเดียวกันทุกระบบ
ถ้ามิจฉาชีพขโมยรหัสผ่านได้จากที่หนึ่งแล้ว จะสามารถนำไปใช้ในระบบอื่น ๆ ที่เป็นรหัสเดียวกันได้หมด จนเกิดความเสียหายในที่สุด
- ตั้งการแจ้งเตือนรายการบัญชีเงินเข้า-ออก
ผ่านอีเมล หรือข้อความ SMS และหมั่นสังเกตอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงยอดค่าใช้จ่ายบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิตว่าเป็นของเราหรือไม่ หากพบรายการผิดปกติ เราจะได้ติดต่อธนาคารได้ทันท่วงที
- ติดตามข่าวสารเรื่องภัยออนไลน์เป็นประจำ
เพื่อให้รู้ทันกลโกงต่าง ๆ ของเหล่ามิจฉาชีพ รู้วิธีสังเกต และสามารถป้องกันตนเองให้รอดพ้นจากภัยออนไลน์ได้
ขั้นตอนไม่ยากเลย หากเทียบกับความปลอดภัยที่จะได้กลับคืนมา เพียงเท่านี้การทำธุรกรรมออนไลน์ ก็จะปลอดภัยยิ่งขึ้น และอย่าลืมที่จะบอกต่อแนวทางดี ๆ แบบนี้ เพื่อไม่ให้มีใครตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพ หรือโจรออนไลน์
ที่มา: ธนาคารกสิกรไทย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- เช็ก 6 สัญญาณอันตราย หนี้ท่วมหัวจากบัตรเครดิต คุณเป็นแบบนี้มั้ย?
- หนี้บัตรเครดิต ยิ่งเยอะยิ่งเครียด ทำอย่างไรให้ห่างไกลหนี้ท่วม เช็กเลย!!
- ส่องเทคนิคผ่อนบ้านให้หมดไว โดยไม่ต้องใช้เงินก้อน เช็กเลย!