“กสิกรไทย” ชู “เทคโนโลยี” ช่วย “ลูกค้ารายเล็ก” อนุมัติเงินกู้กว่า 500,000 ราย มูลค่ารวม 23,000 ล้านบาท โดยไม่ต้องใช้เอกสารรายได้ หรือหลักทรัพย์ค้ำประกัน
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย (KBank) เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2565 ธนาคารได้ขยายการปล่อยสินเชื่อขนาดเล็ก รวมวงเงินมากกว่า 23,000 ล้านบาท ให้กับผู้ประกอบอาชีพอิสระ และไม่มีเอกสารยืนยันรายได้มากกว่า 500,000 คน
“เราอยากจะช่วยคนนับล้าน ๆ ให้เข้าถึง และได้รับประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ ของธนาคารได้ เราจึงมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำทางด้านเทคโนโลยี และใช้เทคโนโลยี เพื่อที่จะสามารถบรรลุภารกิจข้างต้น รวมถึงยกระดับการให้บริการลูกค้าปัจจุบันของเราให้ดียิ่งขึ้นไปอีกด้วย”
ขณะที่ นายกฤษณ์ จิตต์แจ้ง กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ธนาคารตั้งเป้าขยายโอกาสการเข้าถึง และได้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ และบริการต่าง ๆ ของธนาคาร ที่ใช้เทคโนโลยีเป็นตัวขับเคลื่อน ไปสู่ผู้คนเป็นจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น ถึง 1 ล้านคน ภายใน 18 เดือน และในอีก 24 เดือน จะขยายให้ถึงราว 2 ล้านคน
การเดินหน้าดังกล่าว เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการเชิงกลยุทธ์ของธนาคาร ที่ได้ประกาศไปเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา โดยมุ่งขยายโอกาสการเข้าถึงบริการธนาคาร ให้กับคนไทยจำนวนกว่า 30 ล้านคน ที่ยังไม่เคยเข้าถึงบริการธนาคาร หรืออาจจะเข้าถึงบริการของธนาคารแล้ว แต่ยังไม่เต็มประสิทธิภาพ
เป้าหมายนี้ เป็นสิ่งที่ธนาคารเรียกว่า เป้าหมายการผสาน นำความเป็น “ชาเลนเจอร์แบงก์” เข้ามาในองค์กร โดยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีล้ำสมัย และวิธีการทำงานแบบใหม่ ๆ ของธนาคาร มาช่วยผู้คนที่ทำงานอาชีพอิสระ เกษตรกร และเจ้าของกิจการขนาดเล็ก เป็นกลุ่มคนที่อาจไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกัน หรืออาจมีแต่ไม่เพียงพอ ให้สามารถขอเงินกู้ได้ ผ่านการประเมินที่เป็นธรรมมากขึ้น จากการพิจารณาที่ความสามารถ และความตั้งใจในการชำระคืนเงินกู้ของผู้กู้
นายกฤษณ์ ระบุว่า ในกลุ่มที่ได้รับเงินกู้นี้ มีประมาณ 63,000 ราย เป็นเจ้าของกิจการที่มีรายได้น้อยกว่า 2.5 ล้านบาทต่อปี ดำเนินการกู้เงินผ่านโครงการ “สินเชื่อเงินด่วนเพื่อธุรกิจ” ตั้งแต่เดือนมกราคม-กันยายน วงเงินกู้รวม เกือบ 5,000 ล้านบาท
นอกจากนั้น เป็นบุคคลทั่วไป ที่มีรายได้ต่ำกว่า 30,000 บาทต่อเดือน ประมาณ 215,000 ราย ได้รับเงินกู้สูงสุดถึง 20,000 บาทต่อราย ผ่านโครงการ “K PAY LATER” ของธนาคาร
“เราได้เห็นอย่างชัดเจนว่า เงินกู้จากโครงการ K PAY LATER ถูกนำไปใช้ในการซื้อของใช้ประจำวันที่จำเป็น เนื่องจากพบว่า ส่วนใหญ่เป็นการนำไปใช้จ่ายกับร้านค้าที่ขายของใช้จำเป็น เช่นพันธมิตรของเรา อาทิ บิ๊กซี โลตัส ซี เจ เอ็กซ์เพรส ปตท. เซ็นทรัล และ แม็คโคร”
“ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเราเปิดโอกาสให้คนกลุ่มนี้ เข้าถึงระบบธนาคาร และได้เห็นว่า ผู้กู้มีความรับผิดชอบในการชำระคืนเงินกู้เป็นอย่างดี เราก็จะเพิ่มวงเงินกู้ให้คนกลุ่มนี้ และขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์ และบริการทางการเงินอื่น ๆ เพิ่มเติมให้กับหลายคนในกลุ่มนี้ได้อีกด้วย”
นายกฤษณ์ เปิดเผยด้วยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ถึงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนการทำธุรกรรมผ่าน K PAY LATER เพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า และว่า กสิกรไทย กำลังเดินหน้าการลงทุนต่าง ๆ ในเรื่องเทคโนโลยี ด้วยงบลงทุนประมาณ 22,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้ และในช่วง 2 ปีข้างหน้า
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- กสิกรไทย เอาใจนักธุรกิจ ‘เปิดบัญชีเงินฝากบริษัท’ เพียงยืนยันตัวตนผ่าน ‘K PLUS’
- ‘กสิกรไทย’ เดินหน้าสู่ ‘ธนาคารชั้นนำด้าน ESG’ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ธนาคารกสิกรไทย โชว์ผลประกอบการ 9 เดือน คว้ากำไร 32,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.73%
