Finance

สภาองค์กรผู้บริโภค ค้านฝากเงินใช้บัตร สวนทางสังคมยุคดิจิทัล แนะใช้บัตรประชาชนแทน

สภาองค์กรของผู้บริโภค ชี้ฝากเงินผ่านตู้อัตโนมัติ ต้องใช้บัตรเอทีเอ็ม เดบิต และเครดิต สร้างภาระให้ผู้บริโภค สวนทางยุตดิจิทัล เสนอใช้บัตรประชาชนหรือพัฒนาระบบใหม่ไม่ต้องใช้บัตร

หลังจากธนาคารพาณิชย์ ออกมาตรการขั้นตอนการฝากเงินผ่านเครื่องรับฝากและถอนเงินอัตโนมัติ CDM (Cash Deposit Machine) ต้องมีการยืนยันตัวตนผ่านบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็ม หรือบัตรเครดิต ทุกครั้ง โดยจะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 นี้

ฝากเงิน

ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงว่า มาตรการดังกล่าวเป็นการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 นั้น

นายกมล กมลตระกูล ประธานอนุกรรมการด้านการเงินและการธนาคาร สภาองค์กรของผู้บริโภค กล่าวว่า มาตรการฝากเงินผ่านตู้ฝากเงิน โดยใช้บัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต หรือบัตรเครดิตเพื่อยืนยันตัวตน เป็นการเพิ่มภาระให้แก่ผู้บริโภค โดยเสนอให้เปลี่ยนไปใช้บัตรประชาชน หรือพัฒนาระบบยืนยันตัวตนในลักษณะที่ไม่ต้องใช้บัตรแทน

ทั้งนี้เนื่องจากปัจจุบัน มีผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยที่กดเงินผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร และไม่ได้ใช้บัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตเลย นอกจากนี้ การมีบัตรหลายใบยังทำให้ผู้บริโภคต้องเสียค่าธรรมเนียมทำบัตรประมาณ 200 – 800 บาทต่อบัตร 1 ใบ ซึ่งไม่สอดคล้องกับนโยบายสังคมยุคดิจิทัล

shutterstock 617013359

มาตรการดังกล่าว ไม่สามารถแก้ปัญหาฟอกเงินได้จริง แต่กลายเป็นมาตรการที่ส่งผลกระทบผู้บริโภคส่วนใหญ่ รวมถึงธนาคารเองด้วย

สภาองค์กรของผู้บริโภค ขอเสนอให้ปรับวิธียืนยันตัวผู้ฝากเงิน โดยเปลี่ยนไปใช้บัตรประชาชน หรือการยืนยันตัวตนในลักษณะที่ไม่ต้องใช้บัตรแทน

นอกจากนี้ ขอให้ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย และธนาคารพาณิชย์ ร่วมกันเร่งพัฒนาระบบการยืนยันตัวตนผ่านบัตรประชาชนหรือไม่ต้องใช้บัตร โดยเร็วก่อนการบังคับใช้กฎหมาย ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 เพื่อไม่สร้างภาระให้กับผู้บริโภค

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo