Finance

ไม่แทรกแซง! ‘ธปท.’ ยันปล่อย ‘เงินบาท’ อ่อนค่า ตามกลไกตลาด

ผู้ว่าฯ ธปท. ยืนยัน ไม่เข้าแทรกแซง ปล่อย “ค่าเงินบาท” อ่อนตามกลไกตลาด ชี้ สาเหตุมาจากเศรษฐกิจโลก และเงินดอลลาร์แข็งค่า มั่นใจไม่กระทบมากนัก เพราะไทยกู้เงินต่างประเทศน้อย ทุนสำรองสูง

นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงเงินบาทที่อ่อนค่าว่า ธปท.ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะเข้าไปดูแล ตอนที่มีความผันผวนผิดปกติ เพราะไม่อยากให้กระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แต่การดูแลจะต้องไม่ฝืนทิศทางตลาด

ค่าเงินบาท

สาเหตุการอ่อนค่าของเงินบาทนั้น เป็นผลมาจากเศรษฐกิจโลก และการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์ ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน เงินบาทอ่อนค่าแล้วราว 12% ซึ่งอยู่ในระดับกลาง ๆ เมื่อเทียบกับประเทศอื่น ซึ่ง ธปท. พร้อมดูแลค่าเงินในช่วงที่ผันผวนผิดปกติ เพราะไม่อยากให้กระทบต่อการการนำเข้า และส่งออก รวมถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ติดตาม “ค่าเงินบาท” ใกล้ชิด พร้อมเข้าดูแลหากผันผวนผิดปกติ

ทั้งนี้ เงินบาทที่อ่อนค่าในปัจจุบัน มีผลต่อเสถียรภาพไม่มากนัก เนื่องจากปัจจุบัน ไทยกู้เงินจากต่างประเทศในระดับต่ำ ขณะที่ทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 2.4 แสนล้านดอลลาร์ ส่วนการเคลื่อนย้ายของเงินทุนในปัจจุบันนั้นยังไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล โดยพบว่ายังเป็นการไหลเข้าสุทธิอยู่

“ธปท. ติดตามสถานการณ์เงินบาทอย่างใกล้ชิด และพร้อมที่จะเข้าไปดูแลตอนที่ความผันผวนผิดปกติ เพราะไม่อยากให้กระทบกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และไม่อยากเห็นความผันผวนที่สูงเกินไป”

“แต่การดูแลจะต้องไม่ฝืนทิศทางตลาด เพราะรู้ว่าคงฝืนไม่ได้ และไม่เหมาะสม อีกทั้งเราไม่ใช้นโยบายในการกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน และไทยเองเคยมีบทเรียนจากวิกฤติปี 2540 มาแล้ว โดย ธปท. เองไม่ได้มีระดับในใจว่าเงินบาทจะต้องอยู่ที่เท่าไหร่ แต่สิ่งที่ ธปท. ดู คือ ไม่ให้เกิดความผันผวนจนส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ”

สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปีนี้ ผู้ว่าธปท. เชื่อว่าจะฟื้นตัวได้ต่อเนื่อง จากอุปสงค์ภายในประเทศ ทั้งการบริโภค และการท่องเที่ยวที่กลับมาฟื้นตัวได้ดีขึ้น ส่วนภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยนั้น ยอมรับว่าอาจจะส่งผลกระทบกับการส่งออก

ค่าเงินบาท

ล่าสุด ธปท. คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวได้ที่ 3.3% ขณะที่ปี 2566 ที่ระดับ 3.8% ซึ่งรวมสถานการณ์ดังกล่าวไว้แล้ว และอาจทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวช้ากว่าที่ควรจะเป็น

คาดเงินเฟ้อกลับสู่กรอบเป้าหมายปี 66

สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปนั้น คาดว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายที่ระดับ 1-3% ได้ในปี 2566 จากที่ทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 3/2565 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะทำสถิติสูงสุดในไตรมาส 4/2565 โดยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น ถือเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยทำให้เงินเฟ้อกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย

“ไม่ได้มีเป้าหมายในใจว่าจะต้องปรับเท่าไหร่ หรือปรับขึ้นกี่ครั้ง แต่ขึ้นอยู่กับเวลาและบริบทที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากกว่า หากสถานการณ์เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเงินเฟ้อพื้นฐานซึ่งเป็นสิ่งที่เรากังวล เพราะเป็นตัวสะท้อนว่าเครื่องยนต์เงินเฟ้อติดหรือไม่ หากปัจจัยเหล่านี้ต่างจากคาดการณ์ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ก็พร้อมที่จะปรับทิศทางนโยบายการเงิน หรือพร้อมที่จะประชุมนัดพิเศษต่อไป”

ส่วนการส่งผ่านดอกเบี้ยนโยบายไปยังธนาคารพาณิชย์นั้น ถือเป็นเรื่องปกติ แต่ ธปท.อยากเห็นการดำเนินการแบบค่อยเป็นค่อยไปและเหมาะสมกับสถานการณ์ เพราะสิ่งที่ ธปท. อยากเห็นและต้องการให้ดำเนินการในทิศทางการปรับนโยบายการเงินเข้าสู่ภาวะปกติ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo