Finance

‘นฤมล’ หนุนกนง. 28 ก.ย.นี้ ทยอยขยับดอกเบี้ย

“นฤมล” หนุนกนง. 28 ก.ย.นี้ ทยอยขยับดอกเบี้ย เตือนระวังสหรัฐคงขึ้นบัญชีจับตาบิดเบือนค่าเงิน หวั่นกระทบนำเข้า-ส่งออกระหว่างไทยกับสหรัฐ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์ Facebook ส่วนตัวสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางการเงินของโลกตลอดสัปดาห์นี้ว่า เกิดอะไรขึ้นบ้าง โดยชี้ให้เห็นตั้งแต่

– 21 กันยายน 2565 ธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา หรือ FED ขึ้นดอกเบี้ยอีก +0.75% สู่ระดับ 3%-3.25%
– 22 กันยายน 2565  ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ย คงไว้ที่ -0.1%
– 22 กันยายน 2565  ธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก +0.5% จึงเพิ่มเป็น 2.25%

เป็นไปตามคาด คือ ญี่ปุ่นเลือกที่จะยังไม่ขึ้นดอกเบี้ย การเข้าแทรกแซงค่าเงินเยนโดยตรงจึงเป็นทางเลือกที่นำมาใช้ เมื่อวันจันทร์ (19 ก.ย.) ยังเขียนอยู่เลยว่า “ถึงแม้ BOJ ยังคงไม่ขึ้นดอกเบี้ย แต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววของการที่จะเสี่ยงใช้วิธีแทรกแซงค่าเงินเยนโดยตรง ค่าเงินเยนล่าสุดตกลงไปอยู่ที่ 144 เยนต่อดอลลาร์ อ่อนค่าสุดในรอบ 24 ปี ถ้าอ่อนต่อเนื่องไปจนหลุด 150 เยนต่อดอกลลาร์ อาจจะได้เห็นการปรับเปลี่ยนมาตรการของ BOJ”

shutterstock 2148210721

แต่หลังจากที่ค่าเงินเยนต่อดอลลาร์หลุดตัวเลข 145 ไป รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ปล่อยให้อ่อนต่อเนื่องไปอีก ไฟเขียวให้มีการเข้าซื้อเงินเยนเมื่อวันพฤหัส (22 ก.ย.) จนค่าเงินเยนต่อดอลลาร์ขยับแข็งค่าเป็น 140 นายชุนิจิ ซูซูกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังญี่ปุ่น ให้สัมภาษณ์ว่า โดยหลักการแล้วอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ต้องเป็นไปตามกลไกตลาด แต่เราไม่อาจทนต่อความผันผวนซ้ำหลายครั้งที่มาจากการเก็งกำไร แต่ไม่ได้เปิดเผยปริมาณของเม็ดเงินที่ใช้เข้าทำการแทรกแซงค่าเงิน

ทั้งนี้จะเห็นว่าแต่ละประเทศ มีปัจจัยภายในที่แตกต่างกัน อัตราเงินเฟ้อในญี่ปุ่นสูงขึ้น แต่ก็ยังอยู่ที่เพียง 3% ซึ่งยังต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อในประเทศอื่นมาก ธนาคารกลางญี่ปุ่นจึงเห็นว่า การขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะส่งผลลบกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจมากกว่า แต่นั่นหมายถึงส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเทียบกับประเทศอื่นจะสูงขึ้น และส่งผลกระทบกับให้เงินเยนอ่อนค่าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงมาตัดสินใจใช้แนวทางแทรกแซงค่าเงินโดยตรง

S 28704938

ดังนั้นวันที่ 28 กันยายน 2565 ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน( กนง.) คาดกันว่าน่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก +0.25% เป็นการทยอยขึ้น ไม่ให้เกิดผลกระทบมากไป กับต้นทุนของธุรกิจและเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัว และลดส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างประเทศในระดับหนึ่ง เพื่อไม่ให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าเร็วเกินไป อย่างไรก็ตาม ธุรกิจที่อ่อนไหวต่ออัตราแลกเปลี่ยน ควรทำการป้องกันความเสี่ยง และภาครัฐควรควบคุมต้นทุนในการป้องกันความเสี่ยงให้เหมาะสม

ทั้งนี้ที่ผ่านมา กนง. ของประเทศไทย พิจารณาข้อมูลรอบด้าน และตัดสินใจทยอยขึ้นอัตราดอกเบี้ยมาทีละน้อย ซึ่งในภาพรวมถือว่ามีความเหมาะสม เราจึงเห็นค่าเงินบาทค่อย ๆ อ่อนตัว ซึ่งส่งผลดีกับภาคการส่งออก ส่วนธุรกิจนำเข้า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เอง ก็ได้ส่งสัญญาณให้ภาคเอกชน ทำการป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนมาต่อเนื่อง จึงยังไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการแทรกแซงค่าเงินโดยตรงอย่างที่หลายฝ่ายกังวล

ที่ต้องระมัดระวัง คือเมื่อเดือนมิถุนายน 2565 สหรัฐยังคงประกาศขึ้นบัญชีประเทศไทย เป็นประเทศที่ถูกจับตาเพราะบิดเบือนค่าเงินอย่างใกล้ชิด ซึ่งกรณีเลวร้ายหากเข้าข่ายบิดเบือนค่าเงินเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า อาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้า-ส่งออกระหว่างไทยกับสหรัฐ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight