“กสิกรไทย” ลุยแผนธุรกิจปี 2565 มุ่งพัฒนาขีดความสามารถด้านเทคโนโลยี ควบคู่กับการสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ ให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมเดินหน้าขยายการเติบโตในภูมิภาค AEC+3 หวังตอบโจทย์ลูกค้าใช้ชีวิต และทำธุรกิจยุคนิวอบบนอร์มอล ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ตั้งป้าหมายสินเชื่อรวมทั้งปี โต8%
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สถานการณ์การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยในปี 2565 มีแนวโน้มขยายตัวดีกว่าปี 2564 โดยมีแรงหนุนต่อเนื่องจากการส่งออก และการทยอยฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ จะเป็นปัจจัยหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
แม้เศรษฐกิจภาพรวมจะยังเผชิญความไม่แน่นอนหลายประการ จากการระบาดของไวรัสโควิดสายพันธุ์โอไมครอน รวมถึงการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ ภายใต้ทิศทางเศรษฐกิจ และปัจจัยความท้าทายดังกล่าว ธนาคารกสิกรไทยได้ประกาศเป้าหมายทางการเงินปี 2565 ดังนี้
การเติบโตของเงินให้สินเชื่อ (Loan Growth) ที่ 6-8%
จากการเติบโตสินเชื่อในกลุ่มลูกค้าบุคคลและกลุ่มลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเน้นการนำเสนอผลิตภัณฑ์สินเชื่อผ่านช่องทางดิจิทัลเพิ่มขึ้น ควบคู่กับการนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการปล่อยสินเชื่อ (Data Analytics) การร่วมมือกับพันธมิตร และการเติบโตสินเชื่อในภูมิภาค AEC+3
อีกทั้ง ธนาคารยังคงให้ความช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่า สินเชื่อลูกค้าบุคคลจะเติบโต 9-11% สินเชื่อธุรกิจเอสเอ็มอีจะเติบโต 4-6% และสินเชื่อบรรษัทธุรกิจจะเติบโต 1-3%
ผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (Net Interest Margin:NIM) ที่ 3.15-3.30% สอดคล้องกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ (Net Fee Income Growth) เติบโตคงที่
จากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ส่งผลต่อรายได้ค่าธรรมเนียมรับจากการทำธุรกรรม และจากฐานรายได้ค่าธรรมเนียมในปี 2564 ที่สูงตามภาวะตลาด
ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานอื่น ๆ ต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิ (Cost to Income Ratio)
คาดว่าจะอยู่ในระดับ Low to Mid-40s จากรายได้ที่เติบโต สอดคล้องกับการทยอยฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ประกอบกับมีการลงทุนเพิ่มเติม เพื่อสร้างการเติบโตในอนาคต ธนาคารจึงยังคงให้ความสำคัญกับการจัดการต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพ (Productivity) อย่างต่อเนื่อง
เงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่อ (NPL Ratio (Gross)) ที่ 3.7-4.0%
โควิด 19 ยังคงส่งผลกระทบต่อคุณภาพเงินให้สินเชื่อ ซึ่งธนาคารมีการบริหารความเสี่ยงเชิงรุก และนำข้อมูลมาใช้วิเคราะห์ในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยคุณภาพสินทรัพย์ของธนาคาร จะทยอยฟื้นตัวขึ้นตามสภาวะเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้น
Credit Cost คาดว่าจะอยู่ในระดับไม่เกิน 160 bps
ธนาคารยังคงใช้หลักความระมัดระวังและนโยบายทางการเงินที่รอบคอบในการพิจารณาสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
นางสาวขัตติยา กล่าวต่อว่า สำหรับแนวทางการดำเนินธุรกิจในปี 2565 ธนาคารกสิกรไทยยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจ บนหลักการเป็นธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability) และมุ่งมั่น ในการเพิ่มอำนาจให้ทุกชีวิต และธุรกิจของลูกค้าในทุก ๆ กลุ่ม (To Empower Every Customer’s Life and Business) อย่างต่อเนื่อง
ควบคู่ไปกับการดูแลลูกค้า ให้ผ่านภาวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย จากผลกระทบของโควิด-19 สามารถเดินหน้าในการทำธุรกิจ และดำเนินชีวิตต่อไปได้ในภาวะปกติใหม่
โดยกำหนดหลักการทำงานสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การดำเนินงานตามหลักการด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล/เศรษฐกิจ (ESG) การสร้างแบรนด์ที่แข็งแกร่ง (Strong Brand) และการพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันในโลกธุรกิจที่มีนวัตกรรมทางเทคโนโลยีเป็นตัวนำ (Beyond Banking and Innovation) เพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจธนาคารให้สามารถตอบโจทย์การให้บริการที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และสภาพแวดล้อม ได้อย่างทันท่วงที
ธนาคารกสิกรไทยกำหนดยุทธศาสตร์เพื่อการเติบโตทางธุรกิจและตอบโจทย์ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
1.เป็นผู้นำในการให้บริการชำระเงินในทุกแพลตฟอร์มดิจิทัล และรองรับทุกประเภทของการชำระเงินใน Ecosystem ของลูกค้า (Dominate Digital Payment)
เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าธุรกิจ และลูกค้าบุคคล ได้ครบวงจรและมีความปลอดภัยเชื่อถือได้ ในเวลา และสถานที่ที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงใช้การวิเคราะห์ข้อมูลการใช้บริการเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เหมาะสมและตรงใจ
2. ยกระดับการปล่อยสินเชื่อธุรกิจและสินเชื่อบุคคล (Reimagine Commercial & Consumer Lending)
นำข้อมูลธุรกรรมทางการเงินของลูกค้า และคู่ค้าในห่วงโซ่ธุรกิจ มาวิเคราะห์และคัดกรองลูกค้าที่มีความสนใจ และมีศักยภาพในการชำระหนี้ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในช่องทางที่เหมาะสม สามารถบริหารจัดการต้นทุนและความเสี่ยงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเข้าถึงลูกค้าบุคคลรายเล็กผ่านช่องทางดิจิทัล
3. ขยายบริการด้านการลงทุน และการรับประกันภัยไปยังลูกค้าที่ยังไม่เคยใช้บริการ (Democratize Investment & Insurance) สำหรับลูกค้าธุรกิจ และลูกค้ารายใหญ่
จัดให้มีผู้ดูแลความสัมพันธ์ในการให้คำปรึกษา ส่วนลูกค้ารายเล็ก ได้พัฒนาแพลตฟอร์มที่อำนวยความสะดวกในการลงทุนด้วยตนเอง พร้อมข้อมูลประกอบการตัดสินใจให้ลูกค้าได้ศึกษาอย่างเพียงพอ บนต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ
4. เจาะตลาด และขยายการเติบโตทางธุรกิจในประเทศภูมิภาค AEC+3 (Penetrate Regional Market) ด้วยกลยุทธ์รุกขยายสินเชื่อให้กับลูกค้าธุรกิจ
อาศัยความได้เปรียบด้านความสัมพันธ์ ที่มีกับลูกค้าธนาคาร รวมทั้งขยายฐานลูกค้าผ่านความร่วมมือกับพันธมิตรธนาคาร ในจีน และการพัฒนาช่องทางดิจิทัลในการทำธุรกรรมทางการเงินในประเทศภูมิภาค AEC
พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีที่รองรับการให้สินเชื่อดิจิทัล โดยตั้งเป้าหมายภายในปี 2566 จะเพิ่มสัดส่วนรายได้ของธุรกิจในต่างประเทศเป็น 5% ของรายได้ธนาคาร
5. ยกระดับประสบการณ์บริการและการขาย (Strengthen Harmonized Sale & Services Experience)
ผ่านการประสานอย่างไร้รอยต่อระหว่างช่องทางบริการของธนาคารกับพันธมิตร เพื่อให้ลูกค้าทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา ด้วยรูปแบบบริการ และการขายที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย
6. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน เพื่อสร้างคุณค่าที่มาจากการใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพทั้งทรัพยากรบุคคล ข้อมูล การเงิน และเทคโนโลยี (Improve Value-Based Productivity) อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี พฤติกรรมผู้บริโภค และสภาพแวดล้อมในการแข่งขัน สิ่งสำคัญที่จะทำให้ธนาคารสามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้คือต้อง “อยู่ในที่ที่ลูกค้าอยู่” (Be where customers are) ด้วยการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจใน Ecosystem ต่าง ๆ ซึ่งธนาคารดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง
โดยมีแผนที่จะพัฒนาความร่วมมือใหม่ ๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการขยายฐานลูกค้ากลุ่มที่ธนาคารยังเข้าถึงได้น้อย โดยเฉพาะลูกค้ารายเล็ก และขยายธุรกิจในบริการทางการเงินซึ่งมีผลตอบแทนสูง
นอกจากนี้ สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน ธนาคารตระหนักถึงความสำคัญในการจัดการประเด็นดังกล่าว และมีแผนที่จะร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อยกระดับความสามารถในการติดตาม และบริหารจัดการหนี้ของธนาคารในอนาคต
ธนาคารดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมถึงมุ่งพัฒนานวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้มากกว่าบริการทางการเงินในปัจจุบัน เช่น การส่งเสริมการคิดค้นและพัฒนาเพื่อสนับสนุนธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Business) ให้เกิดการนำมาใช้จริง เช่น มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า (EV Bike) เป็นต้น และการให้บริการด้านสินทรัพย์ดิจิทัล โดยจัดตั้ง บริษัท คิวบิกซ์ ดิจิทัล แอสเสท จำกัด (Kubix) เพื่อให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) ในตลาดแรกผ่านบล็อกเชน
ขณะเดียวกัน ธนาคารได้ยกระดับความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ตามโครงการ Transformation ทั้ง 8 โครงการอย่างต่อเนื่อง ดังนี้
- ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในการสร้าง Ecosystem ควบคู่กับการพัฒนาช่องทางการขาย และให้บริการของธนาคาร เพื่อส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า (Ecosystem Partnership & Harmonized Channel)
- วิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเสนอสินเชื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละราย (Intelligent Lending)
- บริหารความเสี่ยงด้านต่าง ๆ และแนวทางการป้องกันในเชิงรุก (Proactive Risk & Compliance Management)
- การพัฒนาบริการรับชำระเงินระหว่างประเทศ (Regional Payment & Settlement)
- พัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ และประสิทธิภาพการดำเนินงาน (Data Analytics)
- ความปลอดภัยด้านไซเบอร์ (Cyber Security)
- พัฒนาศักยภาพของพนักงาน เพื่อมุ่งสู่การเป็น Agile Organization (Performing Talent and Agile Organization)
- พัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้ธนาคารเป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในระดับภูมิภาค (Modern World Class Technology Capability)
นางสาวขัตติยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ธนาคารเชื่อมั่นว่า จะสามารถยกระดับขีดความสามารถไปอีกขั้น และสร้างศักยภาพเพื่อการแข่งขันที่แข็งแกร่งในระยะยาว พร้อมส่งมอบบริการที่ตอบโจทย์ลูกค้ายุคดิจิทัลได้อย่างครอบคลุมทุกที่ทุกเวลา สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไปอยู่เสมอ
รวมทั้ง ช่วยส่งเสริมให้ธุรกิจลูกค้าสามารถปรับตัวไปต่อได้ในยุคนิว นอร์มอล และร่วมเป็นกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวเดินหน้า ตอบรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นทั้งในประเทศ และในระดับภูมิภาค AEC+3
ทั้งนี้ ในเส้นทางการขับเคลื่อนธุรกิจที่ท้าทาย ธนาคารจะเดินหน้าปฏิบัติภารกิจตามความมุ่งมั่นในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Commitment) ตามเจตนารมณ์ที่ได้ประกาศไว้ พร้อมผลักดันประเทศไทย และลูกค้าของธนาคาร ก้าวสู่เศรษฐกิจการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ไปด้วยกัน
อีกทั้งธนาคารให้ความสำคัญไม่เพียงมิติสิ่งแวดล้อม แต่รวมทั้งมิติสังคม และธรรมาภิบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะนำไปสู่ผลตอบแทนในระยะยาวต่อผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม และส่งมอบสังคมและโลกที่ยั่งยืนให้แก่คนรุ่นต่อไป
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘กสิกรไทย’ แจ้งผลประกอบการ ปี 64 กำไร 38,053 ล้านบาท
- ‘KBank Private Banking’ สานต่อกลยุทธ์ ‘ลงทุนยั่งยืน’
- ‘กสิกรไทย’ ไฟเขียว ‘กองทุนรวม’ ค้ำประกันเงินกู้ 3 วันได้เงิน