กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจ เร่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามแนวทางแก้หนี้ระยะยาว มีผล 1 มกราคม 2565
คณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (GFA) ร่วมกันแก้ไขปัญหาลูกหนี้ที่เสื่อมคุณภาพ ซึ่งเป็นปัญหาระยะยาวที่สะสมมาได้อย่างแท้จริง ซึ่งทั้ง 3 หน่วยงาน เห็นร่วมกันให้ ธปท. กำหนดกรอบดำเนินการและสร้างกลไกผลักดันให้สถาบันการเงินของรัฐเร่งให้ความช่วยเหลือและปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่เป็นการแก้ไขปัญหาของลูกหนี้ได้อย่างตรงจุดในระยะยาว โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ยังต้องเผชิญกับภาวะการระบาดของโควิด-19 เพื่อให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจหรือใช้ชีวิตประจำวันต่อไปได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม
โดยมาตรการดังกล่าวประกอบด้วยแนวทางและมาตรการดำเนินการในการช่วยเหลือและแก้ไขหนี้ในระยะยาว ดังนี้
1. แนวทางการปรับโครงสร้างหนี้ระยะยาว ที่เป็นการยกระดับแนวนโยบายให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐปฏิบัติเดิม เป็นการกำหนดหลักเกณฑ์ที่ชัดเจนเพื่อรองรับการดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งในมิติของการจัดทำนโยบาย การกำกับดูแล และกระบวนการพิจารณาการปรับโครงสร้างหนี้ ตลอดจนมีการควบคุมภายในที่รัดกุม ซึ่งจะเอื้อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐสามารถใช้ดุลยพินิจอย่างระมัดระวังและรอบคอบในการดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพและความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้อย่างแท้จริง
2. มาตรการสนับสนุนการปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเร่งแก้ไขปัญหาหนี้เดิม ด้วยการปรับโครงสร้างหนี้แบบระยะยาวอย่างตรงจุด และเหมาะสมกับปัญหาของลูกหนี้แต่ละราย โดยกำหนดงวดการจ่ายชำระหนี้ให้สอดคล้องกับรายได้ที่ลดลงมากของลูกหนี้ และให้ลูกหนี้ทยอยจ่ายชำระหนี้เพิ่มขึ้นเมื่อรายได้เริ่มกลับมา รวมทั้งต้องเร่งช่วยลูกหนี้ให้ได้จำนวนมากและรวดเร็ว
ทั้งนี้ ธปท. ได้ผ่อนคลายหลักเกณฑ์การจัดชั้นและการกันเงินสำรองตามความเข้มข้นของการให้ความช่วยเหลือ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เป็นการชั่วคราวระหว่าง วันที่ 1 มกราคม 2565-31 ธันวาคม 2566 ซึ่งจะสอดคล้องกับมาตรการแก้หนี้ระยะยาว 3 ก.ย.2564 ของธนาคารพาณิชย์ที่ดำเนินการอยู่
นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปี 2565 จากกรอบหลักเกณฑ์และมาตรการที่ ธปท. ได้กำหนดขึ้น จะเป็นแนวทางให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐได้นำไปปฏิบัติเพื่อช่วยเหลือลูกหนี้ โดยการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และลดภาระหนี้ให้กับลูกหนี้อย่างแท้จริงให้สอดคล้องกับรายได้ของลูกหนี้ที่ลดลง ซึ่งการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ระยะยาวนี้ นอกจากจะช่วยให้ลูกหนี้สามารถก้าวพ้นวิกฤตินี้ไปได้ ยังก่อให้เกิดประโยชน์ในระยะยาวกับสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐและเน้นย้ำบทบาทของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐในการเป็นสถาบันการเงินเพื่อประชาชน
นายรณดล นุ่มนนท์ รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพระบบสถาบันการเงิน ธปท. กล่าวว่า แนวทางการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และมาตรการแก้ไขหนี้เดิมข้างต้น มีวัตถุประสงค์ให้สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐมีความมั่นใจและเร่งดำเนินการปรับปรุงโครงสร้างหนี้และให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ตามความสามารถในการชำระหนี้อย่างแท้จริง สอดคล้องกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นและสถานการณ์ที่ยืดเยื้อ เพื่อให้ลูกหนี้ที่ยังได้รับผลกระทบหนักสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องผ่านช่วงที่ยากลำบากนี้ไปได้
“มาตรการนี้ จะทำให้การช่วยเหลือลูกหนี้ของแบงก์รัฐมีความครอบคลุมและเข้าถึงลูกหนี้รายย่อยที่ได้รับความเดือดร้อนได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ ธปท. จะร่วมกับกระทรวงการคลัง และสมาคมสถาบันการเงินของรัฐในการเร่งรัดและติดตามการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบอย่างใกล้ชิด” นายรณดล กล่าว
นายฉัตรชัย ศิริไล ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ กล่าวว่า สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐทั้ง 7 แห่ง ยังได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกัน เพื่อเตรียมความพร้อมในการสนับสนุนการดำเนินการตามมาตรการและแนวทางดังกล่าวให้สอดคล้องกับคุณลักษณะลูกหนี้ของแต่ละสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐเพื่อให้ความช่วยเหลือและดูแลลูกหนี้ให้สามารถดำเนินธุรกิจหรือใช้ชีวิตประจำวันต่อไปได้ตามศักยภาพอันจะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศโดยรวมด้วย
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘คลัง’ เตือนรีบใช้เงินด่วน! ‘คนละครึ่ง-ยิ่งใช้ยิ่งได้’ หมดสิทธิ์ใช้จ่าย 31 ธ.ค. นี้
- ยืดให้อีก!! ‘ออมสิน’ ใจดีขยายเวลาพักหนี้ตามความสมัครใจถึง มี.ค. ปีหน้า
- ธอส. ประกาศมาตรการปรับโครงสร้างหนี้ ขยายเวลา-ลดดอกเบี้ยสูงสุด 0.50% ต่อปี