Finance

ระบบธนาคารพาณิชย์ไทยเข้มแข็ง กองทุน เงินสำรอง สภาพคล่องสูง กำไรเพิ่ม 45.1%

ระบบธนาคารพาณิชย์ ไตรมาส 3/2564 กำไรสุทธิเพิ่ม 45.1% ธปท.ชี้กองทุน เงินสำรอง สภาพคล่อง ยังอยู่ในระดับสูง พร้อมรองรับแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจประเทศ

นางสาว สุวรรณี เจษฎาศักดิ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของระบบธนาคารพาณิชย์ไตรมาส 3 ปี 2564 ว่า ระบบธนาคารพาณิชย์มีความเข้มแข็ง โดยมีเงินกองทุน เงินสำรองและสภาพคล่องอยู่ในระดับสูง

ระบบธนาคารพาณิชย์

 

นอกจากนี้ ยังสามารถทำหน้าที่เป็นกลไกสำคัญในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ และสนับสนุนความต้องการสินเชื่อเพื่อรองรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในระยะต่อไป ที่ยังมีความไม่แน่นอนสูงจากผลกระทบของ โควิด-19

ทั้งนี้ มาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้น ช่วยชะลอการด้อยลงของคุณภาพสินเชื่อธนาคารพาณิชย์

ขณะที่ผลประกอบการ ปรับดีขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน โดยหลักจากค่าใช้จ่ายสำรองที่ลดลง เนื่องจากระบบธนาคารพาณิชย์ได้กันสำรองในระดับสูงในปีก่อน รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่าย โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • ธนาคารพาณิชย์มีเงินกองทุนทั้งสิ้น 3,024.8 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ที่ 19.9%
  • เงินสำรองอยู่ในระดับสูงที่ 872.0 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินสำรองที่มีต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL coverage ratio) อยู่ที่ 155%
  • อัตราส่วนสินทรัพย์สภาพคล่อง เพื่อรองรับกระแสเงินสดที่อาจไหลออกในภาวะวิกฤต (Liquidity Coverage Ratio: LCR) อยู่ที่ 186.8%

ธปท.1

ภาพรวมการเติบโตของสินเชื่อธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 3 ปี 2564 ขยายตัว 5.6% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 3.7% ทั้งนี้ สินเชื่อยังคงขยายตัวต่อเนื่อง แม้หักผลของสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐและมาตรการให้ความช่วยเหลือทางการเงิน โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • สินเชื่อธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.3% เมื่อเทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน จากการขยายตัวของสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ ในเกือบทุกประเภทธุรกิจ รวมถึงสินเชื่อที่ให้แก่ภาครัฐ

ตัวเลขดังกล่าว สะท้อนความต้องการเงินทุนของภาคธุรกิจ ภายหลังการทยอยผ่อนคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด และแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังการเปิดประเทศ

  • สินเชื่อธุรกิจ SMEs ขยายตัวต่อเนื่อง จากมาตรการสินเชื่อฟื้นฟูเป็นสำคัญ
  • สินเชื่ออุปโภคบริโภคขยายตัว 4.2% เทียบกับระยะเดียวกันปีก่อน ลดลงจากไตรมาสก่อนที่ขยายตัว 5.7% โดยสินเชื่อรถยนต์หดตัวสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศที่หดตัว
  • สินเชื่อบัตรเครดิต หดตัวตามปริมาณการใช้บัตรเครดิต ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการระบาด
  • สินเชื่อที่อยู่อาศัย ชะลอลงตามอุปสงค์ต่อที่อยู่อาศัยที่ปรับลดลง
  • สินเชื่อส่วนบุคคล ขยายตัวในอัตราที่ใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน สอดคล้องกับความต้องการสภาพคล่องของครัวเรือน

ระบบธนาคารพาณิชย์

คุณภาพสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ทั้งระบบ ไตรมาส 3 ปี 2564 ยังคงได้รับผลจากมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้และการผ่อนปรนเกณฑ์การจัดชั้นลูกหนี้ โดยยอดคงค้างสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Non Performing Loan: NPL หรือ stage 3) เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 546.3 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน NPL ต่อสินเชื่อรวมที่ 3.14%

ขณะที่สัดส่วนสินเชื่อที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญของความเสี่ยงด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวม (Significant Increase in Credit Risk: SICR หรือ stage 2) อยู่ที่ 6.69% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่ 6.34%

ภาพรวมธนาคารพาณิชย์มีกำไรสุทธิในไตรมาส 3 ปี 2564 จำนวน 38.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันปีก่อน 45.1% โดยหลักจากค่าใช้จ่ายกันสำรองที่ลดลง จากการกันสำรองในระดับสูงในปีก่อน ประกอบกับการควบคุมค่าใช้จ่าย

ส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ  ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามการเติบโตของสินเชื่อ ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิลดลงจากรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยในส่วนของรายได้เงินปันผลที่ลดลงจากฐานเงินปันผลที่สูงในไตรมาสก่อน รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Return on Assets: ROA) ลดลงมาอยู่ที่ 0.69% จากไตรมาสก่อนที่ 1.09%

ด้านอัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้ดอกเบี้ยเฉลี่ย (Net Interest Margin: NIM) ทรงตัวอยู่ที่ 2.47%

อ่านข่าวเพิ่มเติม:

Avatar photo