ราคาทองคำในประเทศ ปิดตลาดไม่เปลี่ยนแปลงจากช่วงวานนี้ โดยราคาตลาดต่างประเทศยังยืนเหนือ 1,800 ดอลลา์ ขณะที่ค่าเงินบาทยังแข็งค่า จับตาการประชุมเฟดต้นเดือนหน้า
สมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาวันนี้ 3 ครั้ง โดยราคาปิดตลาดไม่เปลี่ยนแปลงจากวันก่อน นักลงทุนยังซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ทำให้ราคามายืนเหนือ 1,800 ดอลลาร์/ออนซ์ ตลาดรอผลประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ในต้นเดือนหน้า
- ทองคำแท่ง รับซื้อคืน 28,150.00 บาท/บาททองคำ และขายออก 28,250.00 บาท/บาททองคำ
- ทองรูปพรรณ รับซื้อคืน 27,636.68 บาท/บาททองคำ และขายออก 28,750.00 บาท/บาททองคำ
ทองในประเทศอิงตลาดสปอตเย็นนี้ที่ 1,801.50 ดอลลาร์/ออนซ์ และค่าเงินบาท 33.13 บาท/ดอลลาร์
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)ประเมินทิศทางว่าทองคำวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 15.12ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาได้รับแรงหนุนจากทั้งปัจจัยทางเทคนิคและปัจจัยพื้นฐานบางประการ
ทั้งนี้ ทองคำสามารถทรงตัวรักษาระดับเหนือเส้นค่าเฉลี่ยระยะ 50, 100 และ 200 วันได้อย่างต่อเนื่อง จนกระตุ้นแรงซื้อทางเทคนิคให้ราคาเกิดการดีดตัวขึ้น ประกอบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.62% จากความไม่แน่นอนของตลาดที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะคุมเข้มนโยบายการเงินด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยเมื่อใด หลังจากสหรัฐกำลังเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่แรงซื้อเพื่อปิดสถานะขาย(short covering)ในตลาดพันธบัตรส่งผลกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มเติม ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่หนุนทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ย นั่นทำให้ราคาค่อย ๆ ไต่ขึ้นทดสอบระดับสูงสุดบริเวณ 1,809.84 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นของทองคำยังคงเป็นไปอย่างจำกัด เนื่องจากทองคำถูกกดดันจากดัชนีดอลลาร์ที่ฟื้นตัวจากระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน ท่ามกลางการอ่อนค่าของยูโรหลัง
Ifo ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 4 แตะระดับ 97.7 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย. และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 97.9 สถานการณ์ดังกล่าวเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกของราคาทองคำเอาไว้
ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำไม่เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยทางเทคนิค : ราคายังคงเคลื่อนไหวในกรอบในทิศทางค่อยๆปรับตัวขึ้น หากทองคำขึ้นไปทดสอบแนวต้านในโซน 1,814-1,819 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แล้วยืนได้แข็งแกร่ง ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านถัดไป 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของเดือนกันยายน แต่หากผ่านแนวต้านแรกไม่ได้ ราคาจะอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับในบริเวณ 1,793-1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน : เปิดสถานะซื้อเก็งกำไรระยะสั้น โดยแนะนำให้นักลงทุนรอจังหวะเข้าซื้อ หากราคาย่อตัวลงมาและไม่หลุดแนวรับ 1,793-1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และตัดขาดทุนหากหลุด 1,781 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และขายให้ทยอยทำกำไรหากราคาดีดตัวขึ้นไปทดสอบบริเวณแนวต้าน 1,819-1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หรือสามารถกลับมาเปิดสถานะขายหากราคาดีดตัวขึ้นไม่ผ่านระดับสูงสุดของเดือนกันยายนบริเวณ 1,833 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- ราคาทองคำเช้านี้ ไม่ขยับ ตลาดสปอตทะลุ 1,800 ดอลลาร์ บาทแข็งช่วยฉุดราคาในประเทศ
- ‘ดาวโจนส์-น้ำมัน-ทองคำ’ ขึ้นยกแผง
- โควิดวันนี้ 26 ต.ค. ทั่วโลกติดเชื้อ 244.80 ล้านคน ‘จีน’ เล็งฉีดวัคซีนเด็ก 3 ขวบขึ้นไป