Finance

ปลดล็อก ‘สินเชื่อส่วนบุคคล’ เงินเดือนไม่ถึง 3 หมื่นรับสินเชื่อเพิ่ม เสริมสภาพคล่อง!

ปลดล็อก “สินเชื่อส่วนบุคคล” เงินเดือนไม่ถึง 30,000 บาทมีโอกาสได้รับสินเชื่อเพิ่ม ช่วยเสริมสภาพคล่องและลดการไหลเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า วิกฤติโควิด-19 ที่ยืดเยื้อก่อปัญหาปากท้องและหนี้สินในกลุ่มคนชั้นกลางและรากหญ้าในหลายมิติ ซึ่งบทบาทในการให้ความช่วยเหลือลูกค้ารายย่อยของสถาบันการเงินในรอบปีเศษที่ผ่านมา มุ่งเน้นเชิงช่วยลูกค้ารับมือสถานการณ์เฉพาะหน้า ผ่านมาตรการพักหนี้ ยืดหนี้ รวมหนี้ ปรับโครงสร้างหนี้ จนกระทั่งล่าสุดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2564 ธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ แบงก์ชาติ ได้ผ่อนผันเกณฑ์วงเงินบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล สำหรับลูกหนี้รายย่อยที่มีรายได้ต่อเดือนไม่ถึง 3 หมื่นบาท ให้มีโอกาสได้รับสินเชื่อเพิ่มขึ้น เพื่อช่วยเสริมสภาพคล่องและลดการไหลเข้าสู่วงจรหนี้นอกระบบ

สินเชื่อส่วนบุคคล

ปลดล็อกเงื่อนไข

การผ่อนปรนเกณฑ์สินเชื่อรายย่อยสำหรับลูกค้ากลุ่มรายได้ไม่สูงรอบนี้ มุ่งช่วยเหลือผู้ที่ยังมีความสามารถชำระหนี้ แต่อาจมีรายจ่ายฉุกเฉินเกิดขึ้น หรือรายรับลดลงจากหลายสาเหตุ ทำให้ขาดสภาพคล่องชั่วคราวและมีความจำเป็นต้องใช้เงินด่วน

ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจะยังมีโอกาสได้รับสินเชื่อเพิ่มจากสถาบันการเงิน อย่างไรก็ดี ขอบเขตของการให้สินเชื่อใหม่นี้คงอยู่ในวงค่อนข้างจำกัด เนื่องจากภาวะความเสี่ยงเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ทำให้ผู้กู้ต้องมีความสามารถชำระหนี้ได้ ไม่มีภาระหนี้สินผูกพันหลายทาง ไม่เป็นเอ็นพีแอล หรือมีสถานะพิเศษที่แสดงผ่านประวัติด้านเครดิต

นัยสำคัญของการปลดล็อกเงื่อนไขการมีสินเชื่อไม่มีประกันได้เพิ่มขึ้น อาจถือเป็นการให้ยาที่ปลอดภัยเพื่อรักษาอาการเฉพาะหน้า ซึ่งต้องมีดุลพินิจและความรอบคอบในการเลือกใช้เท่าที่จำเป็นเพื่อหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่อาจก่อโทษแก่ผู้ใช้ ฉันใดฉันนั้น การมีแหล่งสินเชื่อในระบบเป็นที่พึ่ง ย่อมดีกว่าไม่มีและต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ แต่เมื่อได้รับสินเชื่อมาแล้วพึงปฏิบัติอย่างมีวินัยเพื่อถนอมโอกาสและช่องทางที่ดีไว้ใช้นาน ๆ ดังนี้

สินเชื่อส่วนบุคคล

วินัย : เมื่อได้สินเชื่อ

บัตรเครดิต : ถ้ารูดแล้วจ่ายเต็มจะตัดจบปัญหาหนี้สินที่ตามมา แต่ถ้ารายรับไม่พอและจำเป็นต้องจ่ายขั้นต่ำ เพื่อเก็บเงินสดไว้สำรองเป็นสภาพคล่องใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน >>> ขอให้มีวินัยในการชำระหนี้ ไม่ควรปล่อยให้ผิดนัดชำระติดต่อกันเกิน 3 เดือน

สินเชื่อมีดอกเบี้ย (อัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิต 16% และสินเชื่อส่วนบุคคล 25%) : จึงควรใช้อย่างระมัดระวังเท่าที่จำเป็น และเมื่อมีเงินก้อนให้รีบโปะลดหนี้ในส่วนที่จ่ายขั้นต่ำอยู่ เนื่องจากหากใช้สินเชื่อในลักษณะหมุนเวียนด้วยการจ่ายขั้นต่ำและรูดบัตร/กดเงินเพิ่มใหม่วนไป จะทำให้ผู้กู้ติดในวังวนหนี้ที่ทับถมสูงขึ้นและยากต่อการปลดภาระหนี้

ถ้าเริ่มจ่ายไม่ไหว ให้เร่งติดต่อเจ้าหนี้เพื่อขอความช่วยเหลือ : โดยสามารถสมัครเข้ามาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยระยะที่ 3 ขยายเวลาไปจนถึงสิ้นปี 2564 หรือขอรับความช่วยเหลือกับสถาบันการเงินในรูปแบบของการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ที่สอดคล้องกับความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้แต่ละรายได้อย่างแท้​จริง

สินเชื่อส่วนบุคคล

อย่าหนีหนี้ : แม้ไม่มีหลักประกัน แต่สัญญาสินเชื่อยังผูกมัดลูกหนี้อยู่ ความเสียหายจากการหนีหนี้มีหลายทางด้วยกัน อาทิ

  • ติดแบล็คลิสต์ในเครดิตบูโร เท่ากับหมดโอกาสขอสินเชื่อใหม่จนกว่าสถานะจะเปลี่ยนกลับ
  • ถูกเปลี่ยนตัวเจ้าหนี้ (กรณีสถาบันการเงินขายหนี้ให้กับบริษัทติดตามหนี้) ซึ่งเจ้าหนี้ใหม่ที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน จึงเน้นเพียงติดตามทวงถามหนี้
  • ถูกฟ้องบังคับชำระหนี้ หากไม่สามารถประนีประนอมยอมความได้ก่อนขึ้นศาล อาจถูกยึดทรัพย์ได้ทุกอย่างที่มีชื่อเราและที่เป็นทรัพย์มรดก ในกรณีที่ไม่ใช่ข้าราชการและยังมีงานทำ อาจถูกยึดเงินเดือน

ทุกปัญหามีทางออก

ทุกปัญหามีทางออก อัตราการฉีดวัคซีนของคนไทยที่เพิ่มขึ้นทุกวัน ช่วยให้ความมั่นใจได้ว่าเราจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดได้ในที่สุด สำหรับปัญหาด้านการเงินส่วนบุคคล ณ เวลานี้ เป็นภาวะที่ได้รับความใส่ใจในระดับชาติ หากเดือดร้อนให้รีบติดต่อเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อขอความช่วยเหลือและหาทางออกในการแก้ไขหนี้ร่วมกัน หรืออาจขอรับคำปรึกษาจากศูนย์ข้อมูลผู้ใช้บริการทางการเงิน (ศคง.) เพื่อมองหาทางรอดและไปต่อด้วยกัน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

Avatar photo