ตลอดเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน 2561 กระแสหุ้นไอพีโอราคาต่ำจองเป็นเรื่องที่มีการพูดถึงกันคึกคัก นักลงทุนที่รับซื้อหุ้นไอพีโอต้องประสบภาระขาดทุนทันที ซึ่งแตกต่างจากในช่วง 1 – 2 ปีที่ผ่านมา หุ้นไอพีโอสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงถึง 100%
ขณะที่ปัจจัยที่ทำให้หุ้นไอพีโอ มีความน่าสนใจน้อยลง ส่วนหนึ่งมาจากบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่ดีนัก ดัชนีหุ้นไทยเข้าใกล้ระดับนิวโลว์หลายครั้ง แต่ยังประคองตัวพ้นระดับ1,600 จุดอยู่ได้และแนวโน้มยังเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น และมีบางกระแสเชื่อว่าโบรกเกอร์ที่เป็นผู้จัดการจำหน่ายนำหุ้นไอพีโอที่ต้องรับภาระไว้เมื่อขายไม่หมด ออกมาเทขายในวันแรกที่เข้าเทรดเพราะไม่ต้องการแบกต้นทุนไว้เช่นกัน ทำให้เป็นปัจจัยซ้ำเติมให้หุ้นไอพีโอบางตัวลดลงแรง และทำให้นักลงทุนเริ่มเข็ดขยาดกับหุ้นจอง
อย่างไรก็ตาม หุ้นไอพีโอที่เข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดเอ็มเอไอ ในช่วงที่ผ่านมา มีทั้งหุ้นขนาดใหญ่ และขนาดเล็ก โดยเฉพาะหุ้นขนาดใหญ่ของกลุ่มตระกูลดังๆก็เข้ามาระดมทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และราคาหุ้นส่วนใหญ่ก็จะปรับลดลงต่ำกว่าราคาไอพีโอ จนกระทั่งกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ในตระกูลดังก็เข้ามาทยอยซื้อหุ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ จากข้อมูลของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พบว่า มีผู้ถือหุ้นใหญ่ตระกูลดัง ได้เข้ามาทยอยรับซื้ออย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงที่ราคาหุ้นต่ำกว่าราคาไอพีโอ เช่น กลุ่มตระกูลโอสถานุเคราะห์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท โอสถสภา ได้เข้ามารับซื้อหุ้นในช่วงที่ราคา 24 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาไอพีโอที่ 25 บาท ซึ่งมูลค่าเงินลงทุนรวม 41 ล้านบาท
ขณะที่กลุ่มตระกูลภิรมย์ภักดี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส เข้ามารับซื้อหุ้นราคา 10.26 – 10.84 บาท ซึ่งใกล้เคียงกับราคาไอพีโอที่ 10.20 บาท และกลุ่มตระกูล หิรัญรุจิพงศ์- แพทยานันท์ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เจ้าพระยามหานคร เข้ามารับซื้อหุ้น 2.32 – 2.56 บาท ซึ่งต่ำกว่าราคาไอพีโอ 3 บาท
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวว่า การที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ได้เข้ามารับซื้อหุ้นนั้นเป็นเรื่องที่สามารถทำได้อาจทำเพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ถือหุ้น หรืออาจเพราะเห็นว่าราคาต่ำสามารถลงทุนได้ รวมทั้งการซื้อ เพื่อต้องการให้สัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้น หลังจากที่ถูกลดสัดส่วนตอนกระจายหุ้นไอพีโอ
“เหตุผลของการรับซื้อหุ้นขึ้นอยู่กับผู้ถือหุ้นแต่ละคน แต่ก็เป็นสัญญาณที่ดีหากซื้อเพื่อถือลงทุนระยะยาวไม่ได้ถือเพื่อการเก็งกำไร”
ทั้งนี้ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุว่า ใน 2 เดือนที่ผ่านมา มีบริษัทที่เสนอขายหุ้นไอพีโอ 8 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือNER ธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากยางพารา เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งราคาไอพีโอที่เสนอขาย 2.58 บาท วันเริ่มซื้อขายวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561
บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 โรงพยาบาลเอกชน ภายใต้ชื่อ “โรงพยาบาลพระรามเก้า” ขนาด 166 เตียงจดทะเบียน ให้บริการลูกค้าเงินสด ลูกค้าคู่สัญญา และลูกค้าต่างชาติ ราคาไอพีโอที่เสนอขาย 11.60 บาท วันเริ่มซื้อขายวันที่ 30 ตุลาคม 2561
บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ประกอบธุรกิจจัดจำหน่าย ส่งออกและนำเข้าบรรจุภัณฑ์แก้ว รวมถึงการลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว ผ่านบริษัทย่อยของบริษัทฯ ราคาไอพีโอที่เสนอขาย 10.20 บาท วันเริ่มซื้อขายวันที่ 18 ตุลาคม 2561
บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSPดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยมีกลุ่มผลิตภัณฑ์หลัก มีราคาไอพีโอที่เสนอขาย 25 บาทและวันเริ่มซื้อขาย 17 ตุลาคม 2561
บริษัท เจ้าพระยามหานคร จำกัด (มหาชน) หรือ CMC ธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัทฯ คือการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทอาคารชุดที่พักอาศัย หรือ “คอนโดมิเนียม” ราคาไอพีโอที่เสนอขาย 3 บาทและ วันเริ่มซื้อขายวันที่ 19 พฤศจิกายน 2561
บริษัท ไทยอิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER ซึ่งเป็นบริษัท Holding Company มีบริษัทแกนประกอบธุรกิจให้บริการรับเหมาก่อสร้างงานวิศวกรรมโยธาทุกประเภท ราคาไอพีโอที่เสนอขาย 3.65 บาท และวันเริ่มซื้อขายวันที่ 24 ตุลาคม 2561
บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน)หรือ SONIC ให้บริการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ครอบคลุมตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง ราคาไอพีโอที่เสนอขาย 1.95 บาท วันเริ่มซื้อขายวันที่ 19 ตุลาคม 2561
บริษัท เอสไอเอบี ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนในระบบตามพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน ประเภทโรงเรียนนานาชาติ และให้บริการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา ราคาไอพีโอที่เสนอขาย 5.20 บาท วันเริ่มซื้อขาย 29 พฤศจิกายน 2561
