“KBank Private Banking” ร่วมกับ “Lombard Odier” พันธมิตรทางธุรกิจ ไพรเวทแบงก์ระดับโลก จากสวิตเซอร์แลนด์ อัพเดทสถานการณ์ และโอกาสลงทุนตราสารหนี้เอเชีย ในกองทุนเปิด “เค เอเชีย แปซิฟิก บอนด์” (K-APB)
พร้อมกันนี้ ยังเปิดมุมมองตลาดตราสารหนี้จีน ชี้ ได้ประโยชน์จากเศรษฐกิจที่ยังแข็งแกร่ง ทำให้กลยุทธ์การลงทุนในตราสารหนี้จีน รวมทั้งเอเชีย มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอให้พอร์ตการลงทุน
นายดีราช บาจาช Head of Asia Credit, Lombard Odier แสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจจีนฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาดำเนินตามปกติ และนำหน้าประเทศหลักอื่น ๆ ส่งผลให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้ (Default rate) ในภาคเอกชนโดยรวมลดลง
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการตามแผนพัฒนาประเทศระยะยาว ทำให้รัฐบาลจีนทยอยยกเลิกการอุ้มกิจการ ที่ไม่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งออกนโยบายที่เข้มงวดมากขึ้น ในบางภาคธุรกิจ เช่น อสังหาริมทรัพย์ เพื่อควบคุมความร้อนแรงที่สะสมในช่วง 20 ปี ที่ผ่านมา ทำให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้ในภาครัฐวิสาหกิจ และภาคธุรกิจ ที่ตกเป็นเป้าหมายเพิ่มขึ้น
ตราสารหนี้เอกชน คุ้มค่ากว่าพันธบัตรรัฐบาล
Lombard Odier มองว่าตราสารหนี้เอกชนให้ผลตอบแทนคุ้มค่ากว่าพันธบัตรรัฐบาล และ Spread (อัตราผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากพันธบัตรรัฐบาล) ของตราสารหนี้เอกชนระดับ Investment Grade ในเอเชีย (Asia IG Credit) นับว่าสูงกว่า Spread ของตราสารหนี้เอกชนในระดับเดียวกันทั่วโลก (Global IG Credit)
นอกจากนี้ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ในเอเชีย ทำให้ Spread ของตราสารหนี้ผลตอบแทนสูงในเอเชีย (Asia High Yield) เพิ่มขึ้น (ราคาลดลง) สวนทางกับ Spread ของตราสารหนี้ผลตอบแทนสูงในสหรัฐ (US High Yield) ที่ลดลง (ราคาเพิ่มขึ้น) จึงยิ่งเพิ่มโอกาสการลงทุนให้ตราสารหนี้เอกชนของเอเชีย
ในประเด็นความเสี่ยง ปริมาณตราสารหนี้ใหม่ ที่จะเข้าสู่ตลาดไม่น่าสร้างผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริษัทเอกชนหลายแห่ง ได้ออกตราสารหนี้ เพื่อล็อคดอกเบี้ยกู้ยืมระยะยาวไปล่วงหน้าแล้ว
ขณะที่ ความกังวลเรื่องบอนด์ยีลด์ระยะยาว ที่อาจจะปรับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และรุนแรงจากการพุ่งขึ้นของเงินเฟ้อได้ผ่อนคลายลง ดังจะเห็นได้จากบอนด์ยีลด์สหรัฐ อายุ 10 ปี ที่ขยับลงจาก 1.78% ในช่วงเดือนเมษายน 2564 เหลือเพียง 1.22% ณ สิ้นเดือนกรกฏาคม 2564 ที่ผ่านมา
ทางด้าน นางสาวศิริพร สุวรรณการ Private Banking Financial Advisory Head, Private Banking Group ธนาคารกสิกรไทย ให้คำแนะนำว่า นักลงทุนควรทยอยสะสมเงินลงทุน ในสินทรัพย์ให้หลากหลายประเภท ทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อให้พอร์ตการลงทุนเป็นแหล่งสร้างรายได้สม่ำเสมอ และเงินลงทุนมีการเติบโตในระยะยาว
สำหรับส่วนของตราสารหนี้ นักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง สามารถเลือกลงทุนในกองทุน K-APB เป็นสัดส่วน 3-5% ของพอร์ต เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารหนี้ ในฝั่งจีน และเอเชีย ดีกว่ากลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
กองทุนนี้ให้ความสำคัญ กับการคัดสรรตราสารหนี้คุณภาพดีจากบริษัทเอกชน ที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง และกำไรสุทธิขยายตัว รวมทั้ง มีการกระจายเงินลงทุนในตราสารหนี้มากกว่า 300 รายการ จึงช่วยสนับสนุนพอร์ตโดยรวม ทั้งในด้านการสร้างรายได้ และพยุงมูลค่าเงินลงทุนในยามตลาดหุ้นผันผวน
ขณะเดียวกัน นักลงทุนควรลดน้ำหนักการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เพราะอัตราผลตอบแทนปัจจุบันต่ำมาก ทำให้รายได้น้อย และที่สำคัญรายได้นั้น ไม่เพียงพอจะชดเชยกับแนวโน้มราคา ที่อาจจะลดลงจากผลกระทบของบอนด์ยีลด์ขาขึ้น ในอนาคตอันใกล้ได้
กองทุน K-APB เป็นกองทุนเปิดที่เน้นลงทุนในหน่วยลงทุน LO Funds-Asia Value Bond Fund, (USD) โดยจะลงทุนในตราสารหนี้ภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (รวมญี่ปุ่น) ที่อยู่ในสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งอาจลงทุนในตราสารหนี้ ที่มีอันดับความน่าเชื่อถือต่ำกว่าที่สามารถลงทุนได้ และตราสารหนี้ ที่ไม่ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘KBank Private Banking’ มอง เศรษฐกิจโลก ปี 64 โตต่อเนื่อง หนุนลงทุน ‘หุ้นฟื้นตัวไม่เต็มที่’
- ‘เคแบงก์ ไพรเวท แบงกิ้ง’ ชี้ แนวทางจัดพอร์ตลงทุนสร้างสรรค์ รับผลตอบแทน คู่โลกยั่งยืน
- ‘KBank Private Banking’ ชู 3 แนวทาง ปรับวิธี ‘บริหารทรัพย์สินครอบครัว’ ยุคโควิด