Finance

โศกนาฏกรรม IPO เข้าตลาดหุ้นราคาร่วงแรง!!

กระแสหุ้น “ไอพีโอ” หรือหุ้นที่เสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย และตลาดเอ็มเอไอ พบว่า กำลังมีทิศทางที่เปลี่ยนไปจากเดิม ซึ่งหุ้นไอพีโอเคยเป็นที่ต้องการของนักลงทุน เพราะสามารถให้ผลตอบแทนได้ในระดับที่ดี และใช้เวลาถือลงทุนไม่นาน แต่ปัจจุบันอาจไม่เป็นเช่นนั้น เพราะช่วงที่ผ่านมาผลตอบแทนหุ้นไอพีโอ เริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่ว่าจะเป็นหุ้นขนาดใหญ่หรือเล็ก

จากการรวบรวมข้อมูลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยระบุว่าหุ้นไอพีโอช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน 2561 จำนวน  8 บริษัท ประกอบด้วย บริษัท เค. ดับบลิว. เม็ททัล เวิร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ KWM ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเกษตร ได้แก่ ใบผาล โครงผาล ใบเกลียวลำเลียง และใบดันดิน โดยได้เข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ (mai) และราคาเสนอขายหุ้นไอพีโออยู่ที่ 1.30 บาทต่อหุ้น ซึ่งเริ่มซื้อขายวันที่ 1 ตุลาคม 2561 ขณะที่ราคาหุ้นปิดซื้อขายวันแรกที่ 1.55 บาท เพิ่มขึ้น 19.23%

บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP ผลิตและจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในราคาเสนอขายหุ้นละ 25 บาท เริ่มซื้อขายวันที่ 17 ตุลาคม 2561 และราคาปิดซื้อขายวันแรกที่ 27.25 บาท เพิ่มขึ้น 9 %

ผลตอบแทนหุ้นไอพีโอช่วงเดือน ต.ค. พ.ย.v2 01

บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน)หรือ BGC ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วที่ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม อาหาร และยา ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในราคาเสนอขายหุ้นละ 10.20 บาท ซึ่งเข้าซื้อขาย วันที่ 18 ตุลาคม 2561 โดยราคาปิดซื้อขายวันแรกที่ 11.80 บาท เพิ่มขึ้น 15.60%

บริษัท โซนิค อินเตอร์เฟรท จำกัด (มหาชน) หรือ SONIC บริษัทประกอบธุรกิจให้บริการการจัดการระบบโลจิสติกส์แบบครบวงจร ซึ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ ราคาเสนอขายหุ้นละ 1.95 บาท และเริ่มซื้อขายวันที่ 19 ตุลาคม 2561 โดยปิดซื้อขายวันแรกที่ 1.84 บาท ต่ำกว่าราคาจองซื้อ 5.64%

บริษัท ไทย อิงเกอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TIGER ดำเนินธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) เข้าจดทะเบียนในตลาดเอ็มเอไอ ราคาเสนอขาหุ้นละ 3.65 บาท และเริ่มซื้อขายวันที่ 24 ตุลาคม 2561 และปิดซื้อขายวันแรกเท่ากับราคาเสนอขาย และไม่เปลี่ยนแปลง

บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย  โดยราคาเสนอขายหุ้นละ 11.60 บาท และเริ่มซื้อขายวันที่ 30 ตุลาคม 2561 โดยปิดซื้อขายวันแรกในราคาเท่ากับราคาเสนอขาย และไม่เปลี่ยนแปลง

set25 1

นอกจากนี้มี กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย หรือ TFFIF เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในราคาเสนอขาย 10 บาทต่อหน่วย  ซึ่งเริ่มซื้อขายวันที่ 31 ตุลาคม 2561 และราคาปิดซื้อขายวันแรกที่ 10.30 บาท สูงกว่าราคาจองซื้อ 3%

ขณะที่ในเดือนพฤศจิกายน 2561 บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด(มหาชน) หรือ NER ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางแผ่นรมควัน ยางแท่ง และยางผสม เพื่อจำหน่ายไปยังผู้ผลิตในอุตสาหกรรมยานยนต์และกลุ่มผู้ค้าคนกลาง เข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยราคาเสนอขาย(บาท) 2.58 และเริ่มซื้อขายวันที่ 7 พฤศจิกายน 2561 ราคาปิดซื้อขาย 2.06 บาท ต่ำกว่าราคาจองซื้อ 20.16%

จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นว่าผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นไอพีโอ เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่อง และมีบางแห่งที่ต่ำกว่าราคาจองซื้อ

หุ้นไทย

แหล่งข่าวที่ปรึกษาทางการเงิน ให้ความเห็นว่า ขณะนี้นักลงทุนได้ลดความสนใจที่จะลงทุนในหุ้นไอพีโอ  เนื่องจากมีหุ้นไอพีโอที่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหุ้นช่วง 1 – 2 เดือน ให้ผลตอบแทนที่น้อยลงกว่าในอดีต หรือ ล่าสุดหุ้นไอพีโอ บางตัวเมื่อเข้าเทรดวันแรกราคาหุ้นปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาจองซื้อ ซึ่งทำให้นักลงทุนที่รับซื้อหุ้นไอพีโอ ต้องพบกับผลขาดทุน

ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมีความน่าสนใจลงทุนน้อยลง ดัชนีหุ้นมีความผันผวน ขณะที่นักลงทุนต่างชาติมียอดขายสุทธิต่อเนื่องแตะระดับ 2.7 แสนล้านบาท แม้จะกลับเข้ามาซื้อบ้างแต่ก็ยังไม่มีสัญญาณที่ชี้ชัดว่าจะเข้ามาเพิ่มน้ำหนักลงทุนในตอนนี้

“หากภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ยังคงผันผวนต่อเนื่อง และเป็นขาลงมากกว่าขาขึ้น เชื่อว่าความต้องการหุ้นไอพีโออาจจะลดลง ขณะที่อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนก็น้อยลง ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจ ถ้าต้องการถือลงทุนในระยะกลางถึงยาว ผลตอบแทนจะเป็นอย่างไร และกลัวว่าจะขาดทุนมากกว่ากำไร”

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight