ธนาคารกสิกรไทย ประเมินค่าเงินบาทในสัปดาห์ถัดไป (10-14 พ.ค.) กรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 31.00-31.50 บาทต่อดอลลาร์
ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์โควิด 19 ในประเทศ สัญญาณเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในสภาคองเกรส และสถานการณ์ระหว่างสหรัฐฯ-จีน
ขณะที่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ยอดค้าปลีก การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนพ.ค. (เบื้องต้น) และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามข้อมูลยอดปล่อยกู้สกุลเงินหยวน ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตเดือนเม.ย. ของจีนด้วยเช่นกัน
เงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบจำกัด โดยหลังจากที่เงินบาทขยับแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงกลางสัปดาห์ตามการปรับโพสิชันหลังตลาดในประเทศกลับมาเปิดทำการ เงินบาทก็ขยับอ่อนค่าลงในช่วงต่อมาท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการระบาดของโควิด 19 รอบสามในประเทศ
อย่างไรก็ดีเงินบาทพลิกกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายสัปดาห์ ขณะที่เงินดอลลาร์ฯ เผชิญแรงกดดันจากการที่ตลาดคลายความกังวลเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินของสหรัฐฯ โดยรมว. คลังสหรัฐฯ ออกมากล่าวย้ำว่า ไม่ได้ต้องการแทรกแซงการตัดสินใจเรื่องดอกเบี้ยของเฟด และได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะเงินเฟ้อยังไม่ได้สร้างปัญหาต่อเศรษฐกิจสหรัฐ
ในวันศุกร์ (7 พ.ค.) เงินบาทอยู่ที่ระดับ 31.15 เทียบกับระดับ 31.14 บาทต่อดอลลาร์ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (30 เม.ย.)
อ่านข่าวเพิ่มเติม:
- ดาวโจนส์พุ่งทุบสถิติใหม่ ตลาดคลายกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ย หนุนทองพุ่งรอบ 3 เดือน
- ที่ประชุมคลังอาเซียนคาดเศรษฐกิจไทยปีนี้ขยายตัว 2.3%
- ฤาเศรษฐกิจไทยจะถดถอยซ้ำสอง?