Finance

‘กลุ่มบ้านปู’น้อมรับคำตัดสินศาลพร้อมจ่าย2,700ล้านบาท

บ้านปู3

“กลุ่มบ้านปู” น้อมรับคำตัดสินศาลฎีกาคดีใช้ข้อมูลโครงการโรงไฟฟ้าหงสา พร้อมจ่าย 2,700 ล้านบาททันที ยืนยันไม่กระทบแผนธุรกิจ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากศาลแพ่งอ่านคำพิพากษา​ของศาลฏีกา โดยพิพากษาให้ บมจ.บ้านปู และบมจ. บ้านปู เพาเวอร์ และบจ.บ้านปู อินเตอร์เนชันแนล​ แพ้คดีที่ นายศิวะ งานทวีกับพวก หรือกลุ่มงานทวี 5 ยื่นฟ้องคดีแพ่ง ในคดีใช้ข้อมูลโครงการโรงไฟฟ้า​หงสา โดยพิพากษาให้กลุ่มบ้านปู จ่ายเงินค่าข้อมูลให้กลุ่มงานทวี 5 จำนวน 1,500 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 บาทต่อปี นับแต่วันฟ้องปี 2550 จนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น โดยจ่ายให้โจทก์ทั้ง 5 คน รวมวงเงินประมาณ 2,700 ล้านบาทนั้น

ล่าสุด นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการบริษัท และนางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) และนายปรีชญา อิบราฮิม ทนายความ เปิดแถลงข่าวผลคำตัดสินคดี “โครงการโรงไฟฟ้าหงสา”

โดยนายปรีชญา กล่าวว่า บริษัทน้อมรับและพร้อมปฏิบัติตามคำตัดสินของศาลทุกประการ และขอเน้นย้ำว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาบริษัทดำเนินธุรกิจโดยสุจริตทั้งก่อนและหลังการเข้าทำสัญญาร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าหงสาโดยบริษัทไม่ได้ทำผิดสัญญา

นางสมฤดี กล่าวว่า บมจ.บ้านปู บมจ. บ้านปูเพาเวอร์ และบจ. บ้านปูอินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมจ่ายเงินค่าข้อมูลตามคำสั่ง​ศาลทันที แบ่งเป็นค่าข้อมูล โครงการ โรงไฟฟ้าหงสา จำนวน 1,500 ล้านบาท และดอกเบี้ย 7.50 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 3 กรกฎาคมปี 2550 ระยะเวลารวม 10 ปี 8 เดือน จำนวน 1,200 ล้านบาท รวม​เป็น​เงิน​ที่ 3 บริษัท จะร่วมกันจ่าย 2,700 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายบริษัทละ 900 ล้านบาทเท่าๆ กัน ซึ่ง​จะ​จ่าย​ในรูปของแคชเชียร์เช็ค 1 ฉบับไปที่ศาลแพ่งทันที ซึ่งบริษัทมีเงินอยู่แล้ว สามารถจ่ายได้จากเงินฝากธนาคาร และจะบันทึกเป็นรายจ่ายเป็นรายการพิเศษในงบการเงินไตรมาสที่ 1 ปีนี้

ทั้งนี้กลุ่มบ้านปู ยืนยันว่าการจ่ายเงินครั้งนี้ ไม่ส่งผลกระทบกับแผนงานดำเนินธุรกิจของบริษัทที่ได้พิจารณาในสัปดาห์ที่ผ่านมา แผนในการดำเนินธุรกิจยัง​ไม่เปลี่ยนแปลง เนื่องจากกลุ่มบ้านปูมีกระแสเงินสดที่ทำได้ในปีที่ผ่านมารวมกันของ 3 บริษัทสูงถึง 32,000 ล้านบาท และขอยืนยันว่าบริษัทยังมีความแข็งแกร่งสามารถที่จะเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้อย่างโปร่งใส และจะเดินหน้าพบปะนักลงทุนตามแผนที่วางไว้ต่อไป

ด้านนางสมฤดี กล่าวว่าสำหรับคำพิพากษาของศาลฎีกาที่ให้บริษัทจ่ายเงินค่าข้อมูลจำนวน 1,500 ล้านบาท โดยเป็นคำพิพากษาที่อ้างถึงว่าข้อมูลของโจทก์เป็นข้อมูลที่มีมูลค่า การที่บริษัทนำข้อมูลมาใช้จะต้องจ่าย สำหรับบริษัทในทางปฏิบัติบริษัทได้เริ่มทำงาน กับทางฝ่ายโจทก์มาตั้งแต่ก่อนหน้าปี 2550 ซึ่งในการทำงานร่วมกันบริษัทมีความเชื่อด้วยความสุจริตใจว่า ข้อมูลการพัฒนาและการทำงานร่วมกันนั้นสามารถที่จะมีสิทธิ์ใช้ได้โดยสุจริตเช่นเดียวกัน

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK