“ผู้ว่าฯ ธปท.” ชี้เศรษฐกิจไทยกำลังเจอพายุ เชื่อหั่นดอกเบี้ย 2 รอบเพียงพอรับมือพายุเศรษฐกิจระดับหนึ่ง ขอบคุณรัฐบาลยอมฟัง “ธปท.” ทบทวนโครงการดิจิทัลวอลเล็ต
นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐที่มีต่อภาพรวมการค้าโลกว่า เป็นปัจจัยที่สร้างความไม่แน่นอนสูงมาก เนื่องจากหลายอย่างขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน และมองไปข้างหน้าจะเห็นได้ชัดว่า เหมือนพายุที่กำลังจะเข้ามา ซึ่งเชื่อว่าพายุลูกนี้จะใช้เวลานาน ไม่น่าจะจบได้เร็ว แม้ว่าสหรัฐจะมีการเลื่อนเวลาการใช้มาตรการภาษีออกไป 90 วัน ก็คิดว่าจะสามารถเคลียร์ทุกอย่างได้อย่างชัดเจนทั้งหมด เนื่องจากประเทศที่ต้องการเจรจามีจำนวนสูงมาก
ดังนั้น การเจรจาคงจะไม่ง่าย แม้ว่าจะมีการเจรจาแล้วก็อาจจะไม่จบ ตรงนี้เป็นจุดที่ทำให้มองว่าพายุลูกนี้อาจจะหนักมากขึ้น และต้องใช้เวลานานในการแก้ไข
“จากที่ดูครั้งนี้ต้องบอกว่า ผลกระทบระยะยาวมหาศาลแน่นอน แต่ถ้าเทียบกับวิกฤติ หรือช็อตอื่น ๆ ที่เคยเจอ คิดว่าครั้งนี้ไม่หนักเท่า ไม่ว่าจะเป็นวิกฤติโควิด-19 หรือวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 แต่ก็ไม่ควรชะล่าใจ หรือตกใจจนเกินไป โดยความลึกของช็อตในครั้งนี้ไม่หนักเท่าวิกฤติอื่น ๆ ที่เคยเจอภาพ มองว่าน่าจะเริ่มเห็นผลกระทบจากมาตรการภาษีของสหรัฐตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2568 โดยจุดต่ำสุดของปัญหาน่าจะอยู่ในช่วงไตรมาส 4/68” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวอีกว่า หลังวิกฤติครั้งนี้ผ่านพ้นไป จะสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจโลกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างแท้จริง ดังนั้นไทยจำเป็นต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่ได้อย่างสง่างาม หากไม่มีการปรับตัว ยังคงกัดฟันพึ่งพาการเติบโตแบบเดิม จะทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลก และประเทศไทยในระยะข้างหน้าชะลอลงจากที่ผ่านมา ดังนั้นจึงควรถือโอกาสนี้ปรับตัวเพื่อให้สามารถเติบโตได้สูงกว่าที่เคยผ่านมา
ทั้งนี้ โจทย์ของนโยบายด้านเศรษฐกิจจริง ๆ ตอนนี้ คือจะทำอย่างไรให้ช็อกที่เจอเบาลง อย่าลึกมาก รวมถึงต้องช่วยและเอื้อให้การปรับตัวที่จะเกิดขึ้นทำได้รวดเร็ว และเป็นการเติบโตในระยะยาวหลังพายุลูกนี้ผ่านพ้นไป ตัวอย่างที่สะท้อนว่ามาตรการที่จะออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ควรเป็นอะไรที่ปูพรม เพราะผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากช็อตครั้งนี้ค่อนข้างแตกต่างกันในแต่ละส่วน และไม่เท่ากัน โดยเฉพาะโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งความเห็นของ ธปท. ยังไม่เปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยได้สื่อสารออกไป

“เราคิดว่าจะต้องกลับมาดูในเรื่องความคุ้มค่า ประสิทธิผลของโครงการนี้ให้ดี โดยเฉพาะในยามที่สถานการณ์เศรษฐกิจเปลี่ยนไป ที่มีทั้งเรื่องค่าท้าทายใหม่ ๆ บวกกับปัญหาสินค้าที่อาจทะลักเข้ามา จึงเป็นอะไรที่เหมาะสมหากจะมีการทบทวนโครงการนี้ ซึ่งก็ต้องขอบคุณรัฐบาลที่รัฐบาลรับฟังความเห็นของ ธปท. ในการที่จะทบทวนความเหมาะสมของโครงการอีกครั้ง” ผู้ว่าแบงก์ชาติ ระบุ
ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะมีการเดินหน้าโครงการสถานบันเทิงครบวงจร (entertainment complex) นั้น นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า โจทย์ใหญ่กว่าการดึงคนจำนวนมากเข้ามาในประเทศ คือการทำอย่างไรให้เติบโตอย่างยั่งยืน ขณะเดียวกันโลกให้ความสำคัญกับเรื่องภาพลักษณ์ การที่ทำอะไรที่มีความไม่ชัดเจน มีความไม่แน่นอนสูง ในบริบทนั้นไทยจะถูกมองว่าทำตัวไม่ถูกต้อง ไม่ขาวสะอาด โดยเฉพาะเรื่องกาสิโนที่มองว่าเป็นความเสี่ยง ทำให้ภาพของประเทศมีความเป็นสีเทามากขึ้น ในทางกลับกันหากมาเน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะธุรกิจ Wellness ในยุคสังคมสูงวัย ซึ่งตลาดในส่วนนี้มีแนวโน้มการเติบโตสูง การรับนักท่องเที่ยวในกลุ่มจะช่วยตอบโจทย์เรื่องการยกระดับการสร้างมูลค่าเพิ่มได้เป็นอย่างดี และมีผลข้างเคียงน้อยกว่า
นอกจากนี้ ยืนยันว่าที่ผ่านมานโยบายการเงินได้ดำเนินการควบคู่กับนโยบายด้านอื่น ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ สะท้อนจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งมองว่าน่าจะเพียงพอรองรับผลกระทบจากพายุภาษีสหรัฐที่กำลังจะมาได้ในระดับหนึ่ง แต่หากสถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คาดการณ์ Outlook เปลี่ยนไปจากที่ประเมิน ธปท. ก็พร้อมที่จะปรับนโยบาย แต่ ณ วันนี้ยังมองว่านโยบายการเงินในระดับปัจจุบันเพียงพอที่จะรองรับการชะลอตัวต่าง ๆ ได้
ที่มา : ไทยโพสต์
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- ‘แบงก์ชาติ’ ชี้เศรษฐกิจไทยเดือน มี.ค. ชะลอตัวลง ขณะที่การผลิตอุตฯ ดีขึ้น
- เช็กคุณสมบัติด่วน!! เปิดรับสมัครผู้ว่าการ ธปท. 13 พ.ค.-4 มิ.ย. 68
- ‘ธปท.’ เตรียมออกประกาศให้ค่ายมือถือ-แบงก์ร่วมรับผิดชอบ หลังพ.ร.ก.ไซเบอร์ บังคับใช้
ติดตามเราได้ที่
- เว็บไซต์ : https://www.thebangkokinsight.com/
- Facebook : https://www.facebook.com/TheBangkokInsight
- X : https://twitter.com/BangkokInsight
- Instagram : https://www.instagram.com/thebangkokinsight/
- Youtube : https://www.youtube.com/channel/UCYmFfMznVRzgh5ntwCz2Yxg