Finance

‘ที่ปรึกษานายกฯ’ ลั่นเจรจาภาษี ‘ทรัมป์’ ต้อง ‘รู้เขา รู้เรา’ พร้อมเปิดทางรอด!

“ศุภวุฒิ” ลั่นเจรจาภาษี “ทรัมป์” ต้อง “รู้เขา รู้เรา” เตรียมเปิดเจรจาปรับลดภาษีนำเข้า-เพิ่มลงทุนไทยในสหรัฐ พร้อมเปิดทางรอด!!

นายศุภวุฒิ สายเชื้อ ที่ปรึกษานโยบายของนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงแนวทางการเจรจานโยบายการค้ากับสหรัฐอเมริกา โดยให้ข้อมูลแนวทางการเจรจา และยุทธศาสตร์ที่เตรียมไว้ เพื่อรับมือกับผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์จากความสามารถในอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของประเทศ ว่า วัตถุประสงค์หลัก การปรับเพิ่มภาษีของสหรัฐมี 3 ข้อ คือ

ศุภวุฒิ

การปรับเพิ่มภาษีของสหรัฐมี 3 ข้อ คือ

  1. เพื่อลดการถูกเอาเปรียบ จากการขาดดุลทางการค้า และสร้างสมดุลทางการค้าให้กับสหรัฐอเมริกา
  2. เพื่อนำรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากการเก็บภาษี ไปลดภาระการขาดดุลงบประมาณของสหรัฐเพื่อขยายเวลาการลดภาษีให้คนรวยในสหรัฐ
  3. เพื่อดึงผู้ประกอบการและกลุ่มบริษัทของสหรัฐให้ย้ายฐานการผลิตกลับไปที่ประเทศสหรัฐ

ดังนั้นการดำเนินการรีบเร่งเจรจาเหมือนประเทศอื่น ๆ อาจไม่ส่งผลดีกับประเทศนั้น ๆ นัก เนื่องจากไม่สามารถทราบถึงความต้องการที่แท้จริงของแนวทางการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อาทิ ประเทศแคนาดาและเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่เกินดุลกับสหรัฐแม้ว่าทั้ง 2 ประเทศได้เร่งดำเนินการเจรจาไปก่อนหน้า หรือแม้แต่สหราชอาณาจักร ที่ขาดดุลการค้ากับสหรัฐ แต่สุดท้ายทุกประเทศที่ไปเจรจากลับถูกขึ้นภาษีเช่นกัน ดังนั้น สิ่งที่รัฐบาลเตรียมไว้ คือ การคิดแผนยุทธศาสตร์และมาตรการรองรับ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเจรจา

ทั้งนี้ นายศุภวุฒิ ได้เน้นย้ำว่า รัฐบาลไทย โดยการดำเนินการของคณะทำงาน ได้จัดเตรียมแผนยุทธศาสตร์และมาตรการรองรับไว้แล้ว โดยมียุทธศาสตร์สำคัญ คือ การปรับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและระบบการค้า ผ่านการใช้จุดแข็งของทั้ง 2 ประเทศ อาทิ การนำเข้าสินค้าการเกษตรของสหรัฐที่ผลิตได้มากกว่าการบริโภคภายในประเทศถึง 20% มาแปรรูปเป็นอาหาร โดยใช้ความเชี่ยวชาญในการแปรรูปอาหารของประเทศไทย เพื่อส่งออกขายไปทั่วโลก ซึ่งแนวทางดังกล่าวจะถูกดำเนินการผ่านการสร้างพันธมิตรกับมลรัฐที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากภาคการเกษตร ซึ่งเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงที่ประธานาธิบดีทรัมป์ ให้ความใส่ใจเป็นพิเศษ และดำเนินการมาตรการอื่น ๆ ควบคู่ไปด้วย เช่น การเร่งปราบปรามการสวมสิทธิ์สินค้าจากประเทศอื่น ๆ เพื่อส่งออกไปสหรัฐฯ ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ควบคู่ไปกับการเปิดการนำเข้าสินค้าเกษตร

ศุภวุฒิ
โดนัลด์ ทรัมป์

โดยเฉพาะสินค้าเกษตรที่เป็นปัจจัยการผลิตและประเทศเราผลิตไม่เพียงพอ รวมถึงสินค้ากลุ่มพลังงานเพิ่มเติม ตลอดจนการเพิ่มการลงทุนของไทยในสหรัฐ โดยการดำเนินการดังกล่าวทั้งหมด เป็นไปเพื่อลดภาวะขาดดุลการค้าของสหรัฐ และเปิดบันไดทางลงให้กับสหรัฐ เมื่อมาตรการขึ้นภาษีได้ส่งผลเชิงลบต่อเศรษฐกิจสหรัฐมากกว่าที่คาดการณ์

นายศุภวุฒิ ยังได้กล่าวถึงการช่วยเหลือผู้ประกอบการไทย ที่ส่งออกไปยังสหรัฐอีกว่า รัฐบาลได้เตรียมมาตรการเงินกู้ปลอดดอกเบี้ย เพื่อช่วยเหลือการดำเนินการของผู้ประกอบการในระยะสั้น และเตรียมเงินทุนสำหรับใช้ในการให้ผู้ประกอบการหาตลาดใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงในการส่งออกไปสหรัฐ โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มาตรการเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถปรับตัวได้ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

ทั้งนี้ การดำเนินการเจรจากับสหรัฐจะเกิดขึ้นตามขั้นตอนการเจรจา โดยขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมการลดภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ ภายใต้หลักการที่สหรัฐได้ประโยชน์ และประเทศไทยได้รับผลกระทบน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม สำหรับกระบวนการเจรจาต่อรองดังกล่าว ต้องเจรจาในรายละเอียดในระดับเจ้าหน้าที่ให้แล้วเสร็จ เพื่อให้ได้ข้อสรุปร่วมกันก่อน ยกเว้นสินค้าที่มีปัญหาที่จะต้องเป็นการเจรจาในระดับรัฐมนตรี ดังนั้น ในขั้นตอนนี้จำเป็นต้องให้หัวหน้าส่วนราชการ ซึ่งคือปลัดกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะทำงานเพื่อทำการเจรจา ก่อนที่จะเจรจารอบสุดท้าย เพื่อแก้ไขปัญหาในส่วนค้าสินค้าที่ยังตกลงกันไม่ได้ อันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ สำหรับการเจรจาการค้าของสหรัฐอเมริกา

“ประเทศเล็กอย่างเราต้องหาอํานาจต่อรอง และต้องสร้างแนวร่วมที่อเมริกา ซึ่งนายพันศักดิ์ ประเมินแล้วว่า ต้องไปทางนี้ กับมลรัฐเกษตรของอเมริกา และมันก็เป็นการตอบสนองผลประโยชน์ของเราด้วยว่า เราต้องการจะเป็นผู้แปรรูปอาหารคุณภาพดีไปทั่วโลก ก็ใช้ทรัพยากรที่ดีที่สุดของอเมริกา ขายอะไรให้เรา เราก็จะซื้ออันนั้น ตามความต้องการของเราที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยแนวคิดอันนี้” นายศุภวุฒิ กล่าว

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo
Siree Osiri OHO BANGKOK