Finance

11 เดือน ปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพากร เก็บภาษีได้กว่า 1.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5%

11 เดือน ปีงบประมาณ 2567 กรมสรรพากร เก็บภาษีได้กว่า 1.9 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.5% พร้อมยกระดับการจัดเก็บภาษีด้วยเทคโนโลยี มุ่งสู่ระบบภาษีดิจิทัลเต็มรูปแบบต้นปี พ.ศ.2568

ดร.กุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2567 (ตุลาคม 2566-สิงหาคม 2567) สามารถจัดเก็บภาษีได้กว่า 1,963,205 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณฯ 8,482 ล้านบาทหรือ 0.4% และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 47,911 ล้านบาทหรือกว่า  2.5%

ส่วนหนึ่งสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศที่เริ่มไปในทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับมาตรการด้านภาษีของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา อาทิ มาตรการ “Easy E-Receipt” เป็นแรงส่งให้การจัดเก็บภาษีของกรมสรรพากรในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บจากการบริโภคภายในประเทศ ยังคงขยายตัวได้ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 7.7%

กรมสรรพากร

ยกระดับการจัดเก็บภาษีด้วยเทคโนโลยี

ดร.กุลยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้นำเทคโนโลยีมายกระดับการบริการ และเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารการจัดเก็บภาษีอากร โดยปัจจุบันกรม สรรพากรได้มีกลยุทธ์ในการจัดเก็บภาษี “SMILE RD” ซึ่งเริ่มใช้ในปีงบประมาณ 2567

S : Simplification การทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต่อ

M : Modernization มีความทันสมัย

I : Inclusivity and Innovation มีความทั่วถึง และมีนวัตกรรมด้วย

L : Legality and Compliance ถูกต้องตามระเบียบและข้อกฎหมาย

E : Efficiency มีประสิทธิภาพ

R : Responsiveness ตอบสนองความต้องการทั้งเจ้าหน้าที่และผู้เสียภาษี

D : Digitization ปรับองค์กรมุ่งสู่ Digital First

กรมสรรพากร
ดร.กุลยา ตันติเตมิท

มุ่งสู่ระบบภาษีอากรดิจิทัลเต็มรูปแบบต้นปี พ.ศ.2568

และยังคงเดินหน้าสานต่อนโยบาย “oneRD : ONE TEAM ONE SEAMLESS TAX ECOSYSTEM” ตามที่ปลัดกระทรวงการคลังได้ริเริ่มไว้ทำภาษีให้ง่ายและไร้รอยต่อมากยิ่งขึ้น เตรียมความพร้อมสู่ระบบภาษีอากรที่เป็นดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ในช่วงต้นปี พ.ศ.2568 โดยจะยกระดับบริการทางภาษีและแสดงข้อมูลทางภาษีให้ครบถ้วน เปิดให้บริการ One Portal : My Tax เริ่มให้บริการกลุ่มผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และต่อยอดการกำหนดให้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้ หัก ณ ที่จ่าย ภ.ง.ด.3 ทางอิเล็กทรอนิกส์ เท่านั้น ซึ่งได้เริ่มใช้ในปีที่ผ่านมากับแบบ ภ.ง.ด.1 ภ.ง.ด.1 ก และ ภ.ง.ด.1 ก พิเศษ

นอกจากนี้ ได้วางแผนการพัฒนา น้องอารีย์ Chatbot ด้วยการนำ ChatGPT เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการตอบคำถาม ในมิติของการทำงานของเจ้าหน้าที่ และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการใช้ประโยชน์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) และการใช้เทคโนโลยี AI กับการประมวลผลข้อมูลภายในของกรมสรรพากร ร่วมกับข้อมูลที่ได้รับจากการเชื่อมโยงหรือแลกเปลี่ยนจากภายนอก ในการประเมินและวิเคราะห์หาพฤติกรรมของผู้เสียภาษี

ซึ่งจะช่วยเจ้าหน้าที่ในการจัดกลุ่มผู้เสียภาษีตามความเสี่ยง และสามารถเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในมิติต่าง ๆ เช่น การตรวจสอบก่อนการคืนเงินภาษี หากเป็นผู้เสียภาษีกลุ่มเสี่ยง ก็จะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียดก่อนคืนเงินภาษี

กรมสรรพากร

สำหรับการสร้างความเป็นธรรมและความทั่วถึงในการจัดเก็บภาษีอากร กรมสsรพากรยังคงให้ความสำคัญในการเสนอแนะและจัดทำนโยบายทางภาษีที่เหมาะสมและสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในยุคปัจจุบัน เช่น การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการขาย Low-Value Goods รวมทั้งปรับปรุงหลักเกณฑ์หรือกฎหมายการจัดเก็บภาษีให้มีความทันสมัย

โดยอยู่ระหว่างเร่งเสนอกฎหมาย และเตรียมความพร้อมรองรับการจัดเก็บภาษีส่วนเพิ่ม ตามหลักการ Pillar 2 การจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคลขั้นต่ำ (Global Minimum Tax) ที่กำหนดให้กลุ่มนิติบุคคลข้ามชาติขนาดใหญ่เสียภาษีเงินได้ในอัตราภาษีที่แท้จริงไม่น้อยกว่า 15%

อ่านข่าวเพิ่มเติม

ติดตามเราได้ที่

Avatar photo