กรมบัญชีกลาง ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรครูมาติกซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในระบบเบิกจ่ายตรง
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดี กรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล สำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรครูมาติก ซึ่งจำเป็นต้องใช้ยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง ในระบบเบิกจ่ายตรงสำหรับผู้ป่วยกลุ่มโรครูมาติก (Rheumatic Disease Prior Authorization : RDPA)
ทั้งนี้ เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับการรักษาพยาบาลตามความเหมาะสม จำเป็น และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งเพื่อให้การเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลเป็นไปอย่างสมเหตุผล สอดคล้องกับการพัฒนาของบัญชียาหลักแห่งชาติ โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้
1. ปรับปรุงแก้ไขลำดับการใช้ยา ในการรักษาผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) โดยให้สามารถเลือกใช้ยา Adalimumab, Infliximab หรือ Rituximab เป็นขนานแรก
2. ยกเลิกอัตราเบิกจ่ายค่ายา Adalimumab และ Infliximab และกำหนดให้เบิกจ่ายค่ายาดังกล่าว ตามหลักเกณฑ์การกำหนดราคายา ตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ด่วนที่สุด ที่ กค 0417/ว 177 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2549 เนื่องจากยา Adalimumab และ Infliximab มีราคาที่ลดลงมาก
3. กรณีโรคข้อและกระดูกสันหลังอักเสบ (Spondyloarthritis) ปัจจุบันในระบบ RDPA มีรายการยา Adalimumab, Infliximab และ Secukinumab เป็นทางเลือกในการรักษา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันมาก จึงขอให้แพทย์พิจารณาให้การรักษาด้วยยา Adalimumab หรือ Infliximab เป็นลำดับแรกก่อน
สำหรับหลักเกณฑ์ฯ ดังกล่าว จะมีผลใช้บังคับกับค่ารักษาพยาบาลที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2566 เป็นต้นไป รายละเอียดตามหนังสือกรมบัญชีกลาง ที่ กค 0416.2/ว 405 ลงวันที่ 13 กรกฎาคม 2566
ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่กองสวัสดิการรักษาพยาบาล กรมบัญชีกลาง หมายเลขโทรศัพท์ 02 127 7000 ต่อ 6850 หรือ 6851 ในวัน เวลาราชการ หรือสืบค้นข้อมูลได้ที่เว็บไซต์กรมบัญชีกลาง www.cgd.go.th หัวข้อ รักษาพยาบาล/ข้อมูลน่ารู้เกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาล/รายการยาที่กรมบัญชีกลางกำหนดหลักเกณฑ์ไว้เป็นการเฉพาะ
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- อย่าหลงเชื่อ! ‘กรมบัญชีกลาง’ เตือนข้าราชการ-ผู้รับบำนาญ ระวังถูก ‘พี่มิจ’ หลอก!!
- กรมบัญชีกลาง ปรับดอกเบี้ย ‘คืนบำเหน็จ’ ล่าช้า จาก 7.5% เหลือ 3% กรณีกลับเข้ารับราชการใหม่
- กรมบัญชีกลาง เผยผล ‘เบิกจ่ายงบประมาณ’ สิ้นไตรมาส 3 ปี 66 รวม 2.5 ล้านล้านบาท