Finance

จับตา!! บิ๊กบจ.ฉาวพ้นโทษแห่รีเทิรน์นั่งบอร์ด

จากกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้ดำเนินคดีด้วยการใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 3 ราย ในกรณีสร้างราคาหลักทรัพย์บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 499.45 ล้านบาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการ และผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ประกอบไปด้วย  ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ, ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ และนฤมล ใจหนักแน่น

ล่าสุด ทั้ง 3 คน ได้ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งของ ก.ล.ต. และมีการจ่ายค่าปรับรวม 499.45 ล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมทั้ง ก.ล.ต.ได้มีคำสั่งห้าม ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564

หมอเสริฐ21

มีคำสั่งห้าม ปรมาภรณ์ ปราสาททองโอสถ เป็นกรรมการและผู้บริหารเป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563และมีคำสั่งห้าม นฤมล ใจหนักแน่น เป็นกรรมการและผู้บริหารของบจ.เป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2562 ถึงวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2564

แหล่งข่าวผู้บริหารบจ. ให้ความเห็นว่า ในกรณีที่ ก.ล.ต.สั่งห้ามผู้กระทำความผิดออกจากการเป็นผู้บริหารบจ.นั้น จะเห็นว่าระยะเวลากำหนดเป็นแค่ช่วงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น  และเมื่อครบกำหนดผู้บริหารกลุ่มดังกล่าว ก็สามารถกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งและบริหารงานได้เหมือนเดิม  ซึ่งที่ผ่านมา มีผู้บริหารบจ.หลายคน ก็สามารถกลับมาเป็นกรรมการ ประธานกรรม หรือกรรมการผู้จัดการได้ตามปกติ หลังจากที่ครบกำหนดลงโทษแล้ว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงระยะเวลาสุญญากาศนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มีตำแหน่งในเชิงการบริหารงาน แต่ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ยังสามารถมีบทบาทที่จะเข้าไปดูแลบริหารงานบริษัทได้เหมือนเดิม ดังนั้นจึงมองว่า การลงโทษดังกล่าว จะมีผลกระทบในเชิงลบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร หรือมีผลกระทบต่อหลักบรรษัทภิบาล มากกว่าผลกระทบในด้านอื่นๆ

จากการสำรวจข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยพบว่า ผู้บริหารบจ.ที่ถูกก.ล.ต.สั่งปรับและถูกสั่งให้พ้นจากการเป็นผู้บริหารของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งเมื่อครบกำหนดระยะเวลาที่ก.ล.ต.สั่งห้าม ส่วนใหญ่ก็จะกลับเข้ามาดำรงตำแหน่ง ในบอร์ดบริหารชุดปัจจุบัน ประกอบด้วย

กลุ่มผู้บริหารกลับมานั่งบอร์ดบจ 01

“ชัย โสภณพนิช“ได้กลับมารับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2561 โดยเป็นกรรมการของบริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน) หรือ BKI ต่อมาวันที่ 9 พฤศจิกายน 2561 ได้แต่งตั้งให้เป็นประธานกรรมการบริษัทดังกล่าว

ทั้งนี้ในปี 2560 “ชัย  โสภณพนิช” เคยถูกก.ล.ต.สั่งห้ามเป็นผู้บริหารบจ. 1 ปี และต้องห้ามเป็นบุคลากรธุรกิจตลาดทุน 3 ปี ในฐานะความผิดใช้ข้อมูลภายในสร้างประโยชน์ (อินไซด์) เพื่อทำรายการซื้อขายหุ้นบริษัทกรุงเทพประกันชีวิต จำกัด(มหาชน) หรือ BLA

เช่นเดียวกัน “ธนสิทธิ์ เธียรกาญจนวงศ์” กลับเข้ามาดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการ ของ บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือBIG โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2561 หลังจากที่ถูก ก.ล.ต.สั่งห้ามให้เป็นผู้บริหารบจ.ในระยะเวลา 1 ปี เนื่องจากมีฐานความผิดกรณีใช้ข้อมูลภายในสร้างประโยชน์ (อินไซด์)ในปี 2560

รวมทั้ง “วีระพล ไชยธีรัตต์” และพวก ได้กลับเข้ามานั่งตำแหน่ง กรรมการ และประธานกรรมการ,ประธานกรรมการบริหาร ของบริษัทชัยวัฒนา แทนเนอรี่ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CWT โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2561

ขณะที่ “ณัฏฐ์สิชา ภาภัคธนานันท์” กลับเข้ามาเป็น รองประธานกรรมการ CWT  “วนิดา สิกขมาน” ตำแหน่งกรรมการ “ธีระวัฒน์ ภู่ไพบูลย์” ตำแหน่งกรรมการตรวจสอบ “ชัชนนท์ โสภาจันทร์” ตำแหน่ง กรรมการตรวจสอบ

โดยในปี 2560 “วีระพล”และพวก ถูกก.ล.ต.สั่งห้ามเป็นผู้บริหารบจ. 3-6 เดือน เนื่องจากมีความฐานความผิดกรณีสร้างความเสียหายให้กับบริษัทชัยวัฒนาฯ

จากข้อมูลดังกล่าวน่าจะเป็นสัญญาณบ่งใช้ได้ว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า กลุ่มผู้บริหารของ “ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” ก็น่าจะกลับเข้ามานั่งบริหารบริษัทในเครือได้อีกเหมือนเดิม

Avatar photo
ทีมบรรณาธิการข่าว The Bangkok Insight