ยุคที่ค้าขายออนไลน์เฟื่องฟู ตามพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป สิ่งที่แม่ค้าออนไลน์ รวมทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต้องรู้คือ การเสียภาษีขายของออนไลน์ หรือภาษีอีคอมเมิร์ซ
ผู้ประกอบการ e-Commerce ที่ขายสินค้าหรือบริการผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ มีสิทธิและหน้าที่ในการเสียภาษีเช่นเดียวกับผู้ประกอบการอื่น ๆ โดยเป็นหนึ่งในภาษีเงินได้ ที่ถูกจัดอยู่ในเงินได้ประเภทที่ 8 คือเงินได้จากการค้าขาย โดยจะมีการคำนวณเป็นสองประเภท คือ
1. ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ภาษีที่จัดเก็บจากบุคคลทั่วไปและมีรายได้เกิดขึ้น ตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยปกติจัดเก็บเป็นรายปี ผู้มีรายได้มีหน้าที่ต้องนำไปแสดงรายการตนเองตามแบบแสดงรายการภาษีที่กำหนด
สำหรับแม่ค้าออนไลน์ ที่มีฐานะเป็นบุคคลธรรมดา เมื่อมีรายได้จาการขายของออนไลน์ตั้งแต่ 6 หมื่นบาทต่อปี จะต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
วิธีการคำนวณภาษี
สามารถนำรายได้มาหักค่าใช้จ่าย 2 แบบ ได้แก่ การหักค่าใช้จ่ายตามจริง และแบบเหมา 60%
- หักค่าใช้จ่ายตามจริง
เหมาะกับแม่ค้าออนไลน์ที่มีต้นทุนของสินค้าสูง เพราะจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้ตามจริง ซึ่งวิธีนี้ต้องจัดเก็บรวบรวม บัญชีรายรับรายจ่าย พร้อมทั้งหลักฐานต่าง ๆ ไว้ให้ครบถ้วน เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบมื่อต้องยื่นภาษี
- หักค่าใช้จ่ายแบบเหมา 60%
เหมาะกับแม่ค้าออนไลน์ที่มีกำไรมาก และมีข้อดีคือ ไม่ต้องแสดงหลักฐานค่าใช้จ่ายใด ๆ ให้สรรพากร ขณะที่แม่ค้าออนไลน์จะได้ประโยชน์ทางภาษีจากส่วนต่างของต้นทุนที่แท้จริง กับค่าใช้จ่ายแบบเหมา
การยื่นภาษี
ภาษีที่ต้องยื่นสำหรับแม่ค้าออนไลน์ที่เป็นบุคคลธรรมดา คือ คือ ภ.ง.ด. 94 และ ภ.ง.ด. 90 โดยจะต้องยื่นภาษีตามที่กรมสรรพากรกำหนด ดังนี้
- รอบแรก ยื่น ภ.ง.ด. 94 หรือการยื่นภาษีครึ่งปี ช่วงเดือนกรกฎาคม-กันยายนของทุกปี โดยนำเงินได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายน มาแสดงในการยื่นภาษี ตามแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 94
- รอบที่สอง ยื่น ภ.ง.ด. 90 หรือการยื่นภาษีปลายปี ช่วงเดือนมกราคม-มีนาคมของทุกปี โดยนำเงินได้ทั้งปี มากรอกในแบบฟอร์ม ภ.ง.ด. 90
2. ภาษีเงินได้นิติบุคคล
เป็นภาษีที่จัดเก็บจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญ และบริษัทจำกัดที่จดทะเบียนเป็นนิติบุคคล และมีรายได้เกิดขึ้นตามเกณฑ์ที่กำหนด โดยปกติจัดเก็บเป็นรายปี
แม่ค้าออนไลน์ที่มีฐานะเป็นนิติบุคคลทั้ง ห้างร้าน บริษัท จะต้องมีการเสียภาษีเงินได้นิติบุคคล ซึ่งจะสามารถหักค่าใช้จ่ายได้แบบหักตามจริงเท่านั้น โดยต้องเก็บหลักฐานค่าใช้จ่ายต่าง ๆ และจัดทำบัญชีรายรับรายจ่ายไว้เพื่อเป็นหลักฐานในการตรวจสอบ
ภาษีอะไรบ้างที่ต้องยื่น
- รอบแรก ยื่น ภ.ง.ด.51 หรือการยื่นภาษีครึ่งปี ช่วง กรกฎาคม-สิงหาคมของทุกปี โดยนำเงินได้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม-30 มิถุนายนมาแสดงในการยื่นภาษี ตามแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.51
- รอบที่สอง ยื่น ภ.ง.ด.50 โดยนำเงินได้ทั้งปี มากรอกในแบบฟอร์ม ภ.ง.ด.50 ยื่นภายในเดือนพฤษภาคมของปีถัดไป
ค้าขายออนไลน์แบบไหน ต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม
ผู้ที่ค้าขายออนไลน์ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาท จะต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และยื่นภาษีทุก ๆ เดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป รวมทั้งต้องออก ใบกำกับภาษี ให้กับลูกค้าด้วย
สืบเนื่องจากการจัดเก็บภาษีจากการค้าดิจิทัลของผู้ประกอบการต่างประเทศ ที่เริ่มจัดเก็บเมื่อ 1 ตุลาคม 2564 ให้ผู้ประกอบการและอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มในต่างประเทศ ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หากให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์แก่ผู้ใช้บริการในประเทศไทย ที่ไม่ใช่ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และมีรายได้จากการให้บริการดังกล่าวเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี
สำหรับธุรกิจที่ต้องมาจดทะเบียนภาษี และดำเนินการทางภาษี แบ่งออกเป็น 5 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มสำหรับขายของออนไลน์ ธุรกิจให้บริการโฆษณาออนไลน์ ธุรกิจให้บริการจองโรงแรมที่พักและการเดินทาง ธุรกิจให้บริการเป็นตัวกลางระหว่างผู้ซื้อผู้ขาย ธุรกิจให้บริการสมาชิกดูหนังฟังเพลงออนไลน์ เกมส์ และแอพพลิเคชั่นต่างๆ
ข้อควรรู้ของภาษีอีคอมเมิร์ซ
กรมสรรพากร จะรู้ได้อย่างไร ว่ามีการขายของออนไลน์เกิดขึ้น ในปัจจุบันมีกฎหมายออกมารองรับทำให้ทางสถาบันการเงินต้องมีการส่งข้อมูลการทำธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันว่า (e-Payment) ให้กับทางกรมสรรพากรตรวจสอบ
เงื่อนไขการตรวจสอบบัญชี
- เมื่อมีการฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชี 3,000 ครั้งต่อปีขึ้นไป ไม่ว่าจะมียอดรวมทั้งหมดกี่บาทก็ตาม
- ฝากหรือรับโอนเงินทุกบัญชีรวมกัน 400 ครั้งขึ้นไป และมียอดเงินรวมกันเกิน 2 ล้านบาท
ข้อมูลที่กรมสรรพากรจะได้
- เลขประจำตัวประชาชน
- ชื่อ สกุล
- เลขบัญชีเงินฝาก
- จำนวนครั้งของการฝากหรือโอน
- ยอดรวมจากการฝากหรือโอน
เตรียมพร้อมยื่นภาษีอีคอมเมิร์ซ
- บันทึกทุกอย่าง ทำบัญชีรายรับรายจ่ายเพื่อสามารถตรวจสอบได้ว่าเรามีรายรับรายจ่ายประเภทใด อย่างไรบ้าง
- ไม่ทิ้งหลักฐานที่เกี่ยวกับการค้าให้หายไป เมื่อทางกรมสรรพากรมีคำถามเกี่ยวกับรายรับรายจ่าย นอกจากจะได้เห็นบันทึกรายรับรายจ่าย ยังมีหลักฐานทางธุรกรรมเพื่อยืนยันว่าเราได้ดำเนินการโอนรับ จ่าย หรือลงทุนตามจริงด้วย
- ติดตามข่าวการเงิน โดยเฉพาะด้านภาษีที่มีการอัปเดตในแต่ละปีตามการไหลเวียนของเงินในประเทศและต่างประเทศ แต่หากไม่มีความรู้ด้านการเงินอาจทำให้พลาดเสียเงินมากเกินความจำเป็นหรือจ่ายภาษีซ้ำซ้อนได้
- หาความรู้เกี่ยวกับภาษีเงินได้ รวมถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม เพื่อที่จะสามารถจัดการรายรับรายจ่ายในแต่ละปี รู้ว่าต้องเสียภาษีเท่าไหร่ ลดหย่อนภาษีได้ด้วยวิธีใดบ้าง
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- สรรพากรพร้อมเก็บภาษี e – Service เริ่ม 1 ก.ย. นี้ ธุรกิจออนไลน์จากต่างขาติ
- ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา: ยื่นภาษีออนไลน์ 2566 ได้ด้วยตัวเอง รวมทุกขั้นตอนที่นี่
- รู้ยัง? บริจาคให้สถานศึกษาผ่าน e -Donation ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า